Investing.com - ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยตลอดการซื้อขายในตลาดเอเชียวันนี้ ขยายการทำกำไรอย่างแข็งแกร่งจากเซสชั่นก่อนหน้า เนื่องจากการปิดแหล่งน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของลิเบียทำให้เกิดความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับอุปทานที่จำกัด
การปิดตัวของโรงงานเกิดขึ้นท่ามกลางการหยุดชะงักอย่างต่อเนื่องของกิจกรรมการขนส่งในทะเลแดง ซึ่งตลาดเกรงว่าอาจส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันทั่วโลก สงครามอิสราเอล-ฮามาสในเวลานี้ดูเหมือนจะลุกลามเข้าสู่เลบานอน ทำให้เกิดความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงขึ้น
การหยุดชะงักของอุปทานน้ำมันดิบในตะวันออกกลางเป็นปัจจัยสำคัญในการสนับสนุนราคาน้ำมันช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนพื้นฐานที่อาจส่งผลให้ตลาดน้ำมันโลกตึงตัวมากขึ้นในปี 2024
ความคาดหวังเรื่องอุปทานที่เข้มงวดมากขึ้นได้รับแรงหนุนจากข้อมูลอุตสาหกรรมที่แสดงให้เห็นว่าสินค้าคงคลังน้ำมันของสหรัฐฯ ลดลงมากกว่าที่คาดไว้อย่างมากในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปี 2023 แต่ข้อมูลดังกล่าวยังแสดงให้เห็นว่าปริมาณน้ำมันเบนซินและสินค้าคงคลังน้ำมันดิบมีขนาดใหญ่เกินไป ซึ่งบ่งชี้ว่าความต้องการเชื้อเพลิงของสหรัฐฯ ยังคงไม่มากพอ
น้ำมันดิบเบรนท์ฟิวเจอร์ส ซึ่งจะครบกำหนดในเดือนมีนาคม ปรับขึ้น 0.3% เป็น 78.47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในขณะที่ น้ำมันดิบ WTI ฟิวเจอร์ส ปรับขึ้น 0.5% เป็น 73.20 ดอลลาณืต่อบาร์เรล เมื่อเวลา 20:10 น. ET (01:10 GMT)
ดัชนีทั้งสองพุ่งขึ้นประมาณ 3% ในวันพุธ หลังจากข่าวการปิดโรงงานของลิเบีย การประท้วงเรื่องราคาน้ำมันที่สูงขึ้นส่งผลให้แหล่งน้ำมันเอลซาฮาราของลิเบียต้องหยุดการผลิต โดยแหล่งน้ำมันนี้สามารถผลิตได้ประมาณ 300,000 บาร์เรลต่อวัน
สินค้าคงคลังของสหรัฐฯ หดตัวมากกว่าที่คาดไว้ แต่ความต้องการเชื้อเพลิงกลับอ่อนแอ API
ข้อมูลจากสถาบันปิโตรเลียมแห่งอเมริกา (API) แสดงให้เห็นว่า สินค้าคงคลังน้ำมัน สหรัฐฯ ลดลง 7.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 29 ธันวาคม ซึ่งมากกว่าปริมาณการเบิกถอนที่คาดการณ์ไว้ประมาณ 3 ล้านบาร์เรล
แต่ข้อมูล API ยังแสดงให้เห็นว่าน้ำมันเบนซินและน้ำมันดิบคงคลังเพิ่มขึ้นมากกว่า 6 ล้านบาร์เรล ซึ่งบ่งชี้ว่าอุปสงค์ของผู้บริโภคเชื้อเพลิงรายใหญ่ที่สุดของโลกยังคงอ่อนแอในช่วงปลายปี 2023
แม้ว่าการชะลอตัวส่วนใหญ่อาจมีสาเหตุมาจากแนวโน้มตามฤดูกาลที่อ่อนแอ โดยเฉพาะฤดูหนาวที่ทำให้การเดินทางบนท้องถนนลำบากมากขึ้น อัตราดอกเบี้ยที่สูงและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เย็นลงก็อาจส่งผลต่อความต้องการเชื้อเพลิงเช่นกัน
ข้อมูล API มักจะรายงานตัวเลขที่คล้ายกันกับ สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ สหรัฐฯอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะมีการเผยแพร่ในวันนี้
แม้จะมีการเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันพุธ แต่ราคาน้ำมันยังคงอยู่ในระดับที่ขาดทุนอย่างมากในปี 2023 น้ำมันดิบเบรนท์ และ WTI ขาดทุนมากกว่า 10% ในปีที่ผ่านมา เนื่องจากความกลัวที่เพิ่มขึ้นว่าอุปสงค์จะชะลอตัวลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงกดดันทางเศรษฐกิจจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
ข้อมูลดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ที่เผยแพร่เมื่อวันพุธแสดงให้เห็นว่ามีการหดตัวอย่างต่อเนื่องใน กิจกรรมภาคการผลิต ของสหรัฐอเมริกา โดยราคาน้ำมันดิบเริ่มต้นปี 2024 อย่างอ่อนแอตามข้อมูล PMI ที่ตกต่ำจากผู้นำเข้าชั้นนำอย่างจีน
แม้จะปรับตัวขึ้นในวันพุธ แต่การเพิ่มขึ้นต่อจากนี้ของน้ำมันก็ยังคงถูกจำกัดจากการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของเงิน ดอลลาร์ เนื่องจากตลาดต่างรอสัญญาณใหม่ ๆ เกี่ยวกับนโยบายการเงินจากข้อมูล การจ้างงานนอกภาคการเกษตร ที่จะมีการเปิดเผยในวันศุกร์นี้ ความสงสัยเกี่ยวกับช่วงเวลาของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ดูเหมือนจะส่งผลเข้าสู่ตลาด โดย รายงานการประชุมของคณะกรรมการนโยบาย (FOMC) อาจให้สัญญาณเพิ่มขึ้นบ้าง