InfoQuest - สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ในวันจันทร์ (18 ก.ย.) โดยตลาดยังคงได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า อุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะเผชิญภาวะตึงตัว หลังจากรัสเซียและซาอุดีอาระเบียขยายเวลาการปรับลดอุปทานน้ำมันจนถึงสิ้นปีนี้ รวมทั้งรายงานที่ว่าการผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (Shale Oil) ในสหรัฐปรับตัวลดลง
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 71 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 91.48 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย. 2565
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 50 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 94.43 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย. 2565
สำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ว่า การที่ซาอุดีอาระเบียขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจจำนวน 1 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้ และรัสเซียขยายเวลาปรับลดการส่งออกน้ำมันสู่ระดับ 300,000 บาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้ จะส่งผลให้น้ำมันในตลาดโลกอยู่ในภาวะตึงตัวไปจนถึงไตรมาส 4 ปีนี้
ทางด้านสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) คาดการณ์ว่า การผลิต Shale Oil ในภูมิภาคต่าง ๆ ของสหรัฐจะลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ในเดือนต.ค. และแตะที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2566
นักวิเคราะห์จากซิตี้กรุ๊ปคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันเบรนท์จะพุ่งขึ้นทะลุระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ของแบงก์ ออฟ อเมริกา คาดการณ์ว่า หากโอเปกพลัสยังคงลดการผลิตจนถึงสิ้นปีนี้ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ก็อาจจะพุ่งทะลุ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลก่อนถึงปี 2567
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนหลังจากจีนเปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัว 4.5% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี แข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.9% ส่วนยอดค้าปลีกเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 4.6% ในเดือนส.ค. แข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 3%