Investing.com -- ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงในการซื้อขายช่วงต้นของตลาดเอเชียวันนี้ เนื่องจากข้อมูลอุตสาหกรรมบ่งชี้ว่าสินค้าคงคลังน้ำมันดิบสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างคาดไม่ถึง ขณะที่การคาดการณ์ข้อมูลเงินเฟ้อที่สำคัญของสหรัฐฯ ที่จะเปิดเผยวันนี้ทำให้ตลาดอยู่ในภาวะเสี่ยง
ราคาน้ำมันดิบทรงตัวจากการเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในสัปดาห์นี้ เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับวิกฤตธนาคารของสหรัฐฯ ที่ผ่อนคลายลงได้ช่วยให้ตลาดหยุดขาดทุนในช่วงสามสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานว่าทำเนียบขาววางแผนที่จะเริ่มเติมน้ำมันเข้าคลังสำรอง SPR ซึ่งลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 40 ปีในปีที่ผ่านมา และยังส่งสัญญาณซื้อไปยังตลาดอีกด้วย
แต่ข่าวการเติมน้ำมันเข้าคลังสำรอง SPR ถูกชดชเชยด้วย ข้อมูลของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน API ที่แสดงให้เห็นว่าปริมาณน้ำมันคงคลังของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 3.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์จนถึงวันที่ 5 พฤษภาคม การอ่านค่าดังกล่าวเป็นการส่งสัญญาณว่าอุปสงค์ของสหรัฐฯ อ่อนตัวลง ซึ่งคาดว่าจะเห็นแนวโน้มที่คล้ายกันใน รายงานจากทางการ ซึ่งจะเปิดเผยในวันนี้
เมื่อเวลา 21:18 ET (01:18 GMT) น้ำมันดิบเบรนท์ฟิวเจอร์ส ลดลง 0.1% เป็น 77.23 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ น้ำมันดิบ WTI ฟิวเจอร์ส ลดลง 0.3% เป็น 73.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สัญญาทั้งสองมีการซื้อขายเพิ่มขึ้นระหว่าง 2.7% และ 3.1% ในสัปดาห์นี้ เนื่องจากฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 17 เดือนในสัปดาห์ที่แล้ว
สัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงในจีนทำให้เกิดแรงต้านใหม่ในตลาดน้ำมันในสัปดาห์นี้ เนื่องจาก ข้อมูลการค้า ล่าสุดแสดงให้เห็นว่าการจัดส่งน้ำมันไปยังผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลกร่วงลง 16% ในเดือนเมษายน
แรงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังโควิด-19 ในประเทศจีนดูเหมือนจะหมดลงท่ามกลางภาคการผลิตและภาคอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนแอ ซึ่งทำให้เกิดคำถามว่าจีนจะกระตุ้นอุปสงค์น้ำมันที่ฟื้นตัวในปีนี้หรือไม่
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ ยังปรับลดการคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์และน้ำมันดิบสหรัฐสำหรับปีนี้ โดยอ้างถึงการผลิตที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐและอุปสงค์ที่อ่อนแอกว่าที่คาดไว้
ราคาน้ำมันยังคงซื้อขายลดลงประมาณ 8% ถึง 10% ในปีนี้ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งสูงขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มอุปสงค์ ความกลัวภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก เป็นปัจจัยสำคัญต่อราคาน้ำมันในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเผชิญกับวิกฤตธนาคารที่อาจเกิดขึ้นในประเทศ
ขณะนี้ตลาดกำลังมองหาสัญญาณใหม่เกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ ดัชนีราคาผู้บริโภค ซึ่งจะเปิดเผยในวันพุธนี้ การอ่านคาดว่าจะแสดงให้เห็นถึงอัตราเงินเฟ้อผ่อนคลายลงเล็กน้อยในเดือนเมษายน แต่ยังคงสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของธนาคารกลางสหรัฐฯ
อัตราเงินเฟ้อที่ไม่ยอมลงอาจกระตุ้นให้เฟดมีท่าที Hawkish มากขึ้น การรักษาอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้นเป็นเวลานานจะสร้างความเสียหายต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้