รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

ราคาน้ำมันร่วงต่ำกว่า 80 ดอลลาร์ ขาดทุนต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4

เผยแพร่ 28/04/2566 09:30
อัพเดท 28/04/2566 11:30
© Reuters.

Investing.com -- ราคาน้ำมันขยับเล็กน้อยในวันศุกร์ หลังจากเข้าสู่ภาวะขาดทุนอย่างหนักในสัปดาห์นี้ และถูกกำหนดให้ปิดลบเป็นเดือนที่สี่ติดต่อกัน เนื่องจากความกลัวการเติบโตทางเศรษฐกิจจะชะลอตัวและอุปสงค์ได้ชดเชยอุปทานที่ตึงตัวขึ้นอย่างมาก

ตลาดผ่อนคลายลงเล็กน้อยเมื่อข้อมูลแสดงให้เห็นว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจ ชะลอตัวกว่าที่คาดไว้ในไตรมาสแรกของปี 2023 ท่ามกลางแรงกดดันจากอัตราดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้อที่สูง ประกอบกับข้อมูลจากจีนที่ทำให้เห็นถึง แรงกดดันต่อภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเน้นย้ำถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ไม่สม่ำเสมอในผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลก

แม้ว่าราคาน้ำมันจะเพิ่มขึ้นเมื่อต้นเดือนเมษายนจากการลดการผลิตอย่างเหนือความคาดหมายขององค์กรของประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) แต่ตลาดน้ำมันที่ร่วงลงอย่างรุนแรงในสัปดาห์นี้และทำให้น้ำมันดิบกลับมาต่ำกว่าระดับที่สำคัญที่ 80 ดอลลาร์ 

เมื่อเวลา 22:06 ET (02:06 GMT) น้พมันดิบเบรนท์ฟิวเจอร์ส เพิ่มขึ้น 0.1% เป็น 78.34 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ น้ำมันดิบ WTI ฟิวเจอร์ส เพิ่มขึ้น 0.2% เป็น 74.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สัญญาทั้งสองถูกกำหนดให้ขาดทุนเกือบ 2% ในเดือนเมษายน และติดลบเป็นเดือนที่ 4 ติดกัน

ราคาน้ำมันดิบซื้อขายในราคาที่ลดลงระหว่าง 3.6% และ 4.1% ในสัปดาห์นี้

ตัวเลข เงินเฟ้อ ของสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งเกินคาด และ ข้อมูลตลาดแรงงาน ยังเพิ่มความวิตกต่อการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนที่ การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า ธนาคารกลางคาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25 จุดพื้นฐาน

แนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นกระตุ้นให้เกิดความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่อาจเกิดขึ้นในปีนี้ และเพิ่มความกลัวว่าอุปสงค์น้ำมันจะลดลงท่ามกลางการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

โดยปัจจัยที่กล่าวมาได้กลบตัวเลขอุปทานจาก ข้อมูลสินค้าคงคลังสหรัฐฯ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าน้ำมันหดตัวมากกว่าที่คาดไว้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ความต้องการผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป ซึ่งตัวเลข ดัชนีน้ำมันเบนซินคงคลัง และ ดัชนียอดคงเหลือของน้ำมันดินประจำสัปดาห์จาก EIA ยังคงผสมผสานกัน

การปรับลดการผลิตของกลุ่ม OPEC ซึ่งจะเริ่มมีผลตั้งแต่เดือนพฤษภาคม คาดว่าจะทำให้อุปทานตึงตัวมากขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศเตือนว่าราคาน้ำมันที่สูงขึ้นและตลาดที่ตึงตัวขึ้นอาจทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจไม่มีเสถียรภาพในปีนี้

แม้ว่าการนำเข้าน้ำมันดิบไปยังจีนจะสูงเป็นประวัติการณ์ในเดือนมีนาคม แต่ความต้องการเชื้อเพลิงในประเทศยังคงต่ำกว่าระดับก่อนเกิดโควิด ท่ามกลางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ซบเซา

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย