โดย Noreen Burke
Investing.com - รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพฤษภาคมเป็นข้อมูลสำคัญในสัปดาห์นี้ นักลงทุนกำลังคอยดูว่า ตัวเขที่ออกมาจะอ่อนแอเหมือนการจ้างงานเดือนเมษายนหรือไม่ ในสัปดาห์ที่สั้นลงจากวันหยุดพิเศษวันจันทร์นี้ ความแข็งแกร่งของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจถือเป็นหัวใจสำคัญ โดยจะมีการอัปเดตเกี่ยวกับกิจกรรมภาคการผลิตและบริการ รวมถึงการจ้างงานภาคเอกชนและการขอรับสวัสดิการว่างงาน นอกจากนี้ ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐหลายคนก็มีกำหนดแถลงการณ์เช่นกัน ผู้ค้าพลังงานจะจับตาดูการประชุม OPEC+ ในวันอังคาร ส่วนสหภาพยุโรปจะเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อ ท่ามกลางความกังวลว่าแรงกดดันด้านราคาที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลต่อนโยบายการเงินอย่างไร นี่คือสิ่งที่คุณต้องรู้เพื่อเริ่มต้นสัปดาห์ของคุณ
1. ตัวเลขการจ้างงานเดือนพฤษภาคม อาจอ่อนแอเหมือนในเดือนเมษายน
ตัวเลขการจ้างานเดือนพฤษภาคมที่จะประกาศในวันศุกร์นี้ จะบ่งชี้ว่าจุดอ่อนที่ไม่คาดคิดที่เห็นในรายงานการจ้างงานเดือนเมษายน จะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวหรือเป็นจุดเริ่มต้นของการชะลอตัวของการฟื้นตัวในตลาดแรงงานอย่างต่อเนื่อง
มีการคาดการณ์ว่า จะมีการจ้างงานใหม่เพิ่ม 650,000 ตำแหน่งในเดือนพฤษภาคมมีตำแหน่งงานเพียง 266,000 ตำแหน่งในเดือนเมษายน ซึ่งน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้เกือบหนึ่งล้านตำแหน่ง ยังขาดอีกกว่า 8 ล้านตำแหน่งเมื่อเทียบกับช่วงก่อนที่โควิดจะแพร่ระบาด
นักเศรษฐศาสตร์โดยทั่วไปยังคงคาดหวังการเติบโตด้านการจ้างงานที่แข็งแกร่ง ภายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจกำลังกลับมาคึกคักอีกครั้ง
เกรกอรี่ ดาโก หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Oxford Economics กล่าวว่า ณ จุดนี้เขาคาดว่าจะมีการเพิ่มงานใหม่ 500,000 - 750,000 ตำแหน่งในเดือนพฤษภาคมและ "มันเป็นไปได้"
2. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (ISM PMIs) และแถลงการณ์ของเฟด
ตัวเลขชี้วัดภาคการผลิตที่ทำการสำรวจโดยสถาบัน ISM จะเผยแพร่ในวันอังคาร ตามด้วยตัวเลขภาคบริการในวันพฤหัสบดี มีการคาดว่า ตัวเลขจะออกมาแข็งแกร่ง แต่มีประเด็นด้านห่วงโซ่อุปทานที่นำไปสู่การขาดแคลนและราคาที่สูงขึ้น
ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรของ ADP จะประกาศในวันพฤหัสบดี ซึ่งช้ากว่าปกติ 1 วันเนื่องจากหยุดทำการในวันจันทร์ โดยจะประกาศพร้อมกับตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์
รายงานด้านภาวะเศรษฐกิจของเฟดมีกำหนดเผยแพร่ในวันพุธ และเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนมีกำหนดแถลงการณ์ตลอดทั้งสัปดาห์ รวมถึงประธานเจอโรม พาวเวลล์ ซึ่งจะเข้าร่วมการอภิปรายในการประชุมเรื่องการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพภูมิอากาศในวันศุกร์ร่วมกับคริสตาลินา จอร์จีวา หัวหน้ากองทุนการเงินระหว่างประเทศและคริสติน ลาการ์ต ประธานธนาคารกลางยุโรป
เจ้หน้าที่เฟดคนอื่น ๆ ได้แก่ แรนดี้ ควอเลส รองประธานเฟด ลาเอ็ล เบร็นนาร์ด ผู้ว่าการเฟด แพทริค ฮาร์เกอร์ ประธานเฟดฟิลาเดลเฟีย ราฟาเอล บอสติค ประธานเฟดแอตแลนต้า ชารลส์ อีแวนส์ ประธานเฟดชิคาโก และโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟดดัลลัส
3. ตลาดหุ้นที่ควรเฝ้าระวัง
นักลงทุนในตลาดหุ้นจะจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจและความคิดเห็นจากเจ้าหน้าที่เฟดอย่างใกล้ชิด ท่ามกลางความกังวลอย่างต่อเนื่องว่าธนาคารกลางอาจเริ่มถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่เนื่องจากแรงกดดันด้านราคาสูงขึ้น
ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อยังคงมีอยู่เป็นเวลาหลายสัปดาห์และส่งผลกระทบต่อหุ้นเติบโต รวมถึงตลาดหุ้นแนสแด็กซึ่งติดลบในเดือนนี้เป็นเดือนแรก นับตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา
ความผันผวนกำลังเพิ่มขึ้น แม้ว่า ดัชนี S&P 500 จะดีดตัวขึ้นสู่ระดับต่ำกว่าจุดสูงสุดตลอดกาลในวันที่ 7 พฤษภาคม เพียงแค่ไม่ถึง 1% และเดือนนี้ดัชนีมีการเพิ่มขึ้นรายเดือนน้อยที่สุดในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา
ตลาดหุ้นสหรัฐจะปิดทำการในวันนี้ ซึ่งเป็นวันหยุดพิเศษ Memorial Day
4. ข้อมูลเงินเฟ้อของสหภาพยุโรป
สหภาพยุโรปจะเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่น่าจับตามองอย่างใกล้ชิดในวันอังคารนี้
อัตราเงินเฟ้อในกลุ่มประเทศนี้เข้าใกล้เป้าหมาย 2% ของธนาคารกลางยุโรปอย่างรวดเร็ว แต่เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐที่กล่าวว่า สิ่งนี้จะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ฟิลิป เลน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารกลางยุโรปกล่าวว่า “แทบจะไม่มีความเชื่อมโยงระหว่างราคาที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในการเปิดใหม่ของเศรษฐกิจโลกกับปัจจัยที่ส่งผลต่อแนวโน้มเงินเฟ้อ”
เขาเสริมว่า ตลาดจะต้องใช้เวลาหลายปีในการกลับสู่ระดับก่อนวิกฤตโควิดและยังจำเป็นต้องมีการกระตุ้นเพื่อรักษาระดับการฟื้นตัว
ธนาคารกลางยุโรปคาดว่า จะหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการชะลออัตราการซื้อพันธบัตร เพื่อให้สอดคล้องกับการฟื้นตัวที่อาจแข็งแกร่งขึ้นในเดือนมิถุนายน
5. การประชุมโอเปคพลัส (OPEC+)
องค์กรประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร รวมถึงรัสเซีย ซึ่งเป็นกลุ่มที่รู้จักกันในชื่อ OPEC+ มีแนวโน้มที่จะยึดติดกับการค่อยๆผ่อนคลายอุปทานน้ำมัน ในการประชุมที่จะมีขึ้นในวันอังคารนี้ ท่ามกลางความหวังว่าอุปสงค์จะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง .
เนื่องจาก OPEC+ ตัดสินใจลดการผลิตลง 2.1 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนเมษายน ราคาน้ำมันจึงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีนี้ โดยราคาปัจจุบันเพิ่มขึ้นกว่า 30% และปิดที่ 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของอุปทานจากอิหร่าน ทำให้ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่ควร
อิหร่านและมหาอำนาจของโลกกำลังเจรจาเกี่ยวกับขั้นตอนที่กรุงเตหะรานและวอชิงตันต้องดำเนินการต่อการคว่ำบาตรและกิจกรรมด้านนิวเคลียร์ เพื่อกลับไปปฏิบัติตามสนธิสัญญานิวเคลียร์ของอิหร่านในปี 2015 อย่างสมบูรณ์
หากบรรลุข้อตกลงได้ อิหร่านจะสามารถเพิ่มอุปทานทั่วโลกได้มากถึง 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน