ที่มา : Ministry of Finance, Japan
เมื่อานที่ผ่านมา กระทรวงการคลังญี่ปุ่น รายงานยอดส่งออกและนำเข้าในเดือนพ.ค. โดยยอดส่งออกหดตัวลง 28.3% YoY (อยู่ที่ระดับ 4.2 ล้านล้านเยน) หดตัวลงกว่าเดือน ก่อนหน้าที่หดตัว 21.9% ส่วนยอดนำเข้าในเดือนพ.ค. หดตัวลง 26.2% (อยู่ที่ระดับ 5.0 ล้านล้านเยน) หดตัวลงกว่าเดือนก่อนหน้าที่หดตัว 7.2% โดยทั้งสองส่วนเป็นการหดตัว ลงต่ำสุดในรอบ 11 ปี ยังหดตัวลงน้อยกว่าช่วงเกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลกปี 2008
โดยการส่งออกที่หดตัวลงเป็นผลมาจากการส่งออก Transport Equipment (รถยนต์ เรือ) และMachinary (เครื่องจักรกล และคอมพิวเตอร์) หดตัวลง 60.3% YoYและ 23.2% ตามลำดับซึ่งทั้งสองส่วนมีสัดส่วนในการส่งออกรวมกันคิดเป็น 34% จากยอด ส่งออกทั้งหมด โดยยอดส่งออกไปยังสหรัฐหดตัวลง 50.6% (สัดส่วน 14% จากทั้งหมด),ส่งออกไปสหภาพยุโรปหดตัวลง 33.8% (สัดส่วน 9% จากทั้งหมด) และ ส่งออกไปยังจีนหดตัวลง 1.9% (สัดส่วน 27% จากทั้งหมด)
แต่อย่างไรก็ตามธนาคารกลางญี่ปุ่นได้มีมาตรการในการลดผลกระทบจากโควิด-19 โดยมีมติคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0.1% และคงเป้าหมายอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 10 ปีไว้ที่ระดับ 0% เมื่อวันพุธที่ผ่ำนมา พร้อมทั้งขยายวงเงินกู้ที่ให้กับบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากวงเงิน 75 ล้านล้านเยน เป็น 110 ล้านล้านเยน และจะจัดสรรวงเงินเพื่อเข้าซื้อกองทุน ETF ในวงเงินสูงถึง 12 ล้านล้านเยน
ในวันนี้แนะนำติดตามการประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ (ตลาดคาดจะคงดอกเบี้ยที่ ระดับ 0.1% และคาดว่าจะมีการเพิ่มวงเงินในการทำ QE),จำนวนคนที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐประจำสัปดาห์ (ตลาดคาดอยู่ที่ระดับ 1.3 ล้านคน ต่ำกว่ำ สัปดำห์ก่อนหน้าที่ 1.5 ล้านคน), ดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย เดือนมิ.ย. (ตลาดคาดจะหดตัว 23.0% ดีขึ้นกว่าเดือนก่อนที่หดตัว 43.1%)
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกที่ cgsec.co.th
บทความห้ามพลาด
การฟื้นตัวของผู้บริโภคคือกุญแจสำคัญในสัปดาห์นี้
ไม้ตายที่ FED อาจนำมาใช้สร้างความประหลาดใจให้ตลาด
ดูกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้