กำไร 1Q63 อยู่ที่ 699 ล้านบาท ลดลง 30%QoQ และ78%YoY ใกล้เคียงคาด
-ภายใต้ TFRS9 ทำให้รายได้จาก NPL เพิ่มขึ้นแต่บริษัทตั้งสำรองหนี้ชดเชย
- ด้านการดำเนินงาน กระแสเงินสดจาก NPL และ NPAลดลงบ้างจากผลกระทบด้านเศรษฐกิจ
- ผลกระทบใน 2Q63 อาจมากขึ้นเนื่องจากกรมบังคับคดีปิดให้บริการชั่วคราว
- คงราคาเป้าหมาย 24.5 บาท Upsideค่อนข้างจำกัดจึงแนะนำ “ถือ”
กำไร 1Q63 อ่อนตัวใกล้เคียงคาด
BAM ประกาศกำไรสุทธิสำหรับ 1Q63 ที่ 699 ล้านบาท ลดลง30%QoQ และ 78%YoY ใกล้เคียงกับที่คาดไว้ก่อนหน้าโดยรายได้เงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้ (NPL) ปรับตัวดีขึ้น158%QoQ แต่ลดลง 31%YoY แต่เป็นผลจาก TFRS9 ทำให้มีการรับรู้รายได้ตามเกณฑ์คงค้างเพิ่มขึ้นมา 1,238 ล้านบาท หากไม่นับรวมรายการดังกล่าวรายได้จาก NPL จะเพิ่มขึ้น 55%QoQ แต่ลดลง 59%YoY (ลดลงมาก YoY เนื่องจากใน 1Q62 มีรับชำระหนี้จาก NPL รายใหญ่)
ด้านกำไรจากการขายทรัพย์สินรอการขายลดลง 87%QoQและ 26%YoY หากไม่นับรวมการลดลงจากไตรมาสก่อนที่มีการขายทรัพย์แปลงใหญ่ได้ภาพรวมการขายหลักประกันชะลอตัวลงตามภาคอสังหาริมทรัพย์และสภาวะเศรษฐกิจทั้งนี้ในไตรมาสนี้มีการบันทึกผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss – ECL) 1,298 ล้านบาทซึ่งเส่วนใหญ่ราว 1,238 ล้านบาทเป็นการตั้งสำรองสำหรับรายได้เงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้ในส่วนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง (เท่ากับรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากTFRS9) 2Q63 อาจเห็นผลกระทบที่มากขึ้น แต่ยังอาจดีขึ้นในครึ่งปีหลังสำหรับแนวโน้มใน 2Q63 อาจเห็นผลกระทบที่มากขึ้นเนื่องจากในช่วงปลาย มี.ค.ที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทำให้กรมบังคับคดีที่บริษัทประมูลขายทรัพย์หลักประกันต้องหยุดให้บริการชั่วคราวซึ่งอาจสามารถเปิดให้บริการได้ในช่วงเดือน มิ.ย.ทำให้ในช่วงดังกล่าวบริษัทจะไม่สามารถนำทรัพย์หลักประกันไปประมูลขายได้ และกระทบกระแสเงินสดจาก NPLในส่วนของการขาย NPA
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities