วันนี้ 21 เม.ย. คาด SET INDEX อ่อนตัวกรอบ 1255 - 1270 เชื่อว่าจะโดนแรงทำกำไรหลังวานนี้ ปรับตัวขึ้นแรงถึง 2.2% ประกอบกับบรรยากาศการลงทุนเช้านี้ถูกกดดันเชิงจิตวิทยาจาก Nikkei ที่ปรับตัวลง 1.4% และคาดว่าจะเจออีกแรงกดดันจากกลุ่มน้ำมันหลังราคาน้ำมันดิบ BRENT (NYSE:BNO) ร่วงลงถึง 8.9% กังวลต่ออุปสงค์ที่ลดลงผลกระทบจาก COVID -19 อย่างไรก็ตามแนะนักลงทุนไม่ต้องวิตกกังวลกับราคาน้ำมัน WTI (MU:WTI) ที่ร่วง ลงถึง 306% เนื่องจากราคาน้ำมันที่เป็นสมมติฐานของเราจะอิงกับน้ำมัน DUBAI ซึ่งจะมีความสัมพันธ์คล้ายกับ BRENT มากกว่า WTI ขณะที่ WTI มีปัจจัยเฉพาะตัวคือ สัญญา Future ที่ซื้อขายหมดอายุเมื่อคืนที่ผ่านมาทำให้ผู้ที่เป็นนักลงทุน / นักเก็งกำไรมีความจะเป็นต้องเร่งปิดสถานะ (ไม่ต้องการน้ำมันจริงๆ) ประกอบกับ WTI เป็นน้ำมันที่ส่งมอบกันในสหรัฐซึ่งปัจจุบันประสบภาวะถังจุน้ำมันเต็ม
สรุปผลประกอบการกลุ่มธนาคารพาณิชย์ (KKP SCB TISCO TMB) มีกำไรสุทธิรวมที่ 1.6 หมื่นล้านบาท (+20 %YoY , +54 %QoQ) ส่วนนึงมาจาก TMB มีการรับรู้กำไร จากธนาคารธนชาติเข้ามาหากไม่นำ TMB มาคำนวนจะมีกำไรสุทธิ 1.2 หมื่นล้านบาท (+ 1 %YoY , +35 %QoQ) ซึ่งจากการเข้าร่วมประชุมนักวิเคราะห์กับผู้บริหารสำหรับ SCB เรามีความกังวลต่อสินเชื่อที่อาจไม่ได้เติบโตตามเป้าหมายที่ธนาคารวางไว้ ที่ระดับ 3 - 5% YoY ขณะที่แรงหนุนจากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยที่เป็นตัวหนุนให้ผลประ กอบการเติบโตโดดเด่นใน 1Q20 ประเมินว่าอาจไม่มีใน 2Q20 เนื่องจากธุรกิจที่ทำให้รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเติบโตคือด้าน Wealth ซึ่งมีโอกาสสูงที่ 2Q20 สภาพคล่อง ของลูกค้าจะน้อยลง ดังนั้นแนะนักลงทุนติดตามสินเชื่อรายเดือนเพื่อประเมินการ เติบโตเป็นระยะ
กลยุทธ์การลงทุน แนะหุ้นได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลง (AAV PTG SCC TASCO)
Stock Pick
SPA (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 14.6 บาท) เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 20 ลง 50% ที่ 147 ล้านบาทจากปิดสาขาทั่วประเทศชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค. -30 เม.ย. 20 และการลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยว โดยททท.คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 20 จะลดลง 24 %YoY ที่ 30 ล้านคน ในขณะที่ช่วง 2 เดือนแรกของปี 20 จำนวน นักท่องเที่ยวลดลงไปราว 20 %YoY อย่างไรก็ตามราคาหุ้นปรับตัวลงกว่า 54% นับตั้งแต่การระบาดของ COVID -19 เริ่มต้นในเดือนม.ค. 2020 แสดงให้เห็นว่าราคา หุ้นในปัจจุบันได้สะท้อนความกังวลต่อผลกระทบจากการระบาด COVID -19 ไปแล้ว
TASCO (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 21 บาท) ปรับประมาณการกำไรปี 2020E ลง 23% สู่ระดับ 2.5 พันล้านบาท ตามยอดขายที่ลดลงในจีนและมาเลเซีย โดยคาดยอดขาย ทั้งปีจะอยู่ราว 2.05 ล้านตัน (เดิม 2.2 ล้านตัน) ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายของผู้บริหารที่ 2.1 - 2.2 ล้านตันและยอดขายปีที่แล้วที่ 2.27 ล้านตัน อย่างไรก็ตามคาดยอดขายใน 2Q20E มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นโดยเฉพาะจากจีนประกอบกับจะได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลง
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกที่ cgsec.co.th