สิ่งที่ได้จากงานาน Opportunity day
1. ธุรกิจพลังงานที่ ECF ไปลงทุนไว้อย่างโรงไฟฟ้า มินบูที่ประเทศพม่า (ECF ถือหุ้น 20% ในบริษัท GEP ผ่านบริษัทร่วม ECF Power) เฟสแรกกำลัง การผลิต 50MW เริ่มการขายไฟฟ้าแล้วตั้งแต่เดือน ก.ย. ส่วนเฟสที่ 2 (50 MW) มีกำหนดการขายไฟเดือน พ.ค. 21 เฟส 3-4 (ก าลังการผลิตรวม 120 MW) มีกำหนดการขายไฟเดือน พ.ย. 21 ซึ่งทาง ECF จะได้รับผลดี จากส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนเข้ามาไตรมาสละประมาณ 17 ลบ.
2. เตรียมนำบริษัท GEP เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
3. ช่วง 1H20 รายได้จากการขายเฟอร์นิเจอร์ได้รับผลกระทบจาการเกิดขึ้น ของ COVID ที่ทำให้การส่งออกไปต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศหลัก อย่างญี่ปุ่นมีการชะลอตัวลง ทั้งนี้บริษัทมีการหาตลาดต่างประเทศใหม่ๆ เพิ่มโดยเฉพาะตลาดประเทศจีน สหรัฐฯ และอินเดีย โดยมีสั่ดส่วนเพิ่มขึ้น จากเดิม 3% เป็น 16% ภายในสิ้นปี 20 นี้
4. ปัจจุบันคำสั่งซื้อลูกค้ายังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่การผลิตได้รับผลกระทบ จากโรค COVID ที่ทำให้ในช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค.ที่ผ่านมาไม่สามารถผลิตได้ เต็มที่ส่งผลให้รายได้ในช่วง 2Q20 จะยังเห็นการชะลอตัวจากปีก่อนได้ แต่กำไรสุทธิด้วยความที่ได้รับส่วนแบ่งกำไรจาก GEP เข้ามาทำให้ยังมีโอกาส เห็นการเติบโตจากปีก่อนได้
รีวิวงบ 1Q20 ECFมีกำไรสุทธิ 1Q20 ที่ 17 ล้านบาท (+1%YoY) มาจากการรับรู้ส่วนแบ่ง กำไรจากเงินลงทุนเข้ามา 17 ลบ. โดยในส่วนของยอดขายลดลง 18%YoY มาที่ 296 ล้านบาท กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 25% ลดลงจาก 30% ใน 1Q19 แต่มี การควบคุมค่าใช้จายในการขายและบริหารได้เป็นอย่างดีทำให้มีสัดส่วน เมื่อเทียบกับรายได้ลดลงเหลือ 17% จากระดับ 19% ใน 1Q19 ทั้งนี้ในงวด ดังกล่าว ECF มีรายการพิเศษ 2 รายการคือค่าใช้จ่ายอื่น 23 ลบ. แต่มี กำไรจากการขายแบรนด์ Costa เข้ามาชดเชยได้ 19 ลบ.
ความเห็นนักวิเคราะห์ เราประเมินว่าธุรกิจหลักที่เป็นธุรกิจผลิตเฟอร์นิเจอร์และค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์ในปี นี้อาจจะเห็นการเติบโตไม่มากนักเพราะได้รับผลกระทบจาก COVID ที่เกิดขึ้น ในช่วง 1H20 แต่ด้วยผลดีจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนใน GEP เข้า มาเต็มปีจะทำให้กำไรยังมีโอกาสเห็นการเติบโตได้จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 40 ลบ. โดยราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ระดับ 30X Trailing PE หากเทียบกับในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาซื้อขายเฉลี่ยที่ระดับ 38X แสดงให้เห็นว่าราคายังมีโอกาสปรับตัว เพิ่มขึ้นได้อีก
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกที่ cgsec.co.th