Earning Results
► บริษัทรายงานรายได้ใน 1Q63 อยู่ที่ 4,732 ลบ. เติบโต 15.9%QoQ จากธุรกิจไบโอดีเซล เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยดีดตัวสูงขึ้นเป็น 36.2 บาทต่อลิตร (+70.8%QoQ,+122.2%YoY) จากราคาปาล์มที่สูงขึ้น และการส่งเสริมการใช้น้ำมัน B10 และ B7 จากรัฐบาล และเติบโต 53.3%YoY จากการรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าพลังงานลม โครงการหนุมาน ขนาด 260 MW ซึ่งทยอย COD ไปเมื่อปลายเดือน ม.ค. 62
► GPM ใน 1Q63 หดตัวลงอยู่ที่ 43.6% จาก 56.1% และ 51.9% ใน 4Q62 และ 1Q62 ตามลำดับ จาการรับรู้ค่าเสื่อมเพิ่มในโรงไฟฟ้าหนุมานและ Capacity Factor ที่ลดลงตามผลของฤดูกาล และแรงลมน้อยกว่า 1Q62
► ด้านค่าใช้จ่าย SG&A ใน 1Q63 อยู่ที่ 288 ลบ. (+24.7%QoQ, +33.7%YoY) มีค่าใช้จ่าย เพิ่มขึ้นจากการดำเนินงานหน่วยธุรกิจใหม่
► กำไรสุทธิใน 1Q63 ของบริษัทอยู่ที่ 1,452 ลบ. หดตัว 17.0%QoQ แต่เติบโต 19.9%YoY อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการบันทึกกำไรจากอัตราเปลี่ยน (36 ลบ.), กำไรจากการวัดมูลค่า เครื่องมือทางการเงิน (29 ลบ.) และรายได้อื่นๆที่ไม่ได้มาจากการดำเนินงาน (29 ลบ.) รวมกันราว 89 ลบ.
► ทำให้กำไรปกติใน 1Q63 ของบริษัทอยู่ที่ 1,363 ลบ. (-17.7%QoQ, +20.4%YoY) ต่ำกว่า คาดเล็กน้อยที่4.1% และคิดสัดส่วนเป็น 20.9% ของประมาณการกำไรปกติทั้งปี
Our Take
► แนวโน้มกำไรปกติใน 2Q63 คาดชะลอลง QoQ แต่โต YoY เนื่องจากเป็นช่วง High season ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งมีสัดส่วนกำลังผลิตคิดเป็น 42% (278MW) ของกำลังการผลิตทั้งหมด และการเริ่มรับรู้รายได้จากหน่วยธุรกิจที่มีมาร์จิ้นสูงอย่าง Bio – PCM ตั้งแต่ 2Q63 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงจากมาตรการ Lockdown เพื่อป้องกันการระบาดของ COVID –19 ทำให้ Demand ของหน่วยธุรกิจ B100 ลดลง
► เรายังคงประมาณการกำไรปกติปี 2563 ที่ 6,521 ลบ. (+11.4%YoY) จากการ
1) รับรู้รายได้โรงไฟฟ้าพลังงานลม โครงการหนุมาน ขนาด 260 MW เต็มปี ทำให้มีกำลังการผลิตในปี 2563 ทั้งหมด 664 MW
2) หน่วยธุรกิจ Bio -PCM ซึ่งมีมาร์จิ้นสูง ขนาดกำลังการผลิต 65 ตันต่อวัน เริ่มทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ 2Q63 เป็นต้นไป
3) หน่วยธุรกิจ EV Car เลื่อนการส่งมอบจาก 3Q63 เป็น 4Q63แต่ไม่กระทบประมาณการกำไรปกติของเรา เนื่องจากเรายังไม่ รวมหน่วยธุรกิจ EV Car ไว้ในประมาณการ
และ 4) หน่วยธุรกิจแบตเตอรี่ ขนาด 1 GWh ซึ่งปัจจุบัน อยู่ระหว่างการติดตั้งเครื่องจักรและคาดจะเริ่มรับรู้รายได้ใน 4Q63
► เรายังคงคำแนะนำ “TRADING” ที่ราคาเป้าหมายปี 2563 ที่ 43.00 บาทต่อหุ้น เนื่องจากมี Upside gain เหลือเพียง 10.3% และมีความเสี่ยงจากโรคระบาด COVID – 19 ที่ส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน B100, การขนส่งสินค้า Bio – PCM และการเลื่อนจัดงาน Thailand Motor Expo 2020 เป็นเดือน ก.ค. 63
► นอกจากนี้บริษัทย่อยของ EA ได้เข้าไปลงทุนใน
1) บริษัท ลาภภักดีปาล์ม จำกัด เพื่อเป็นการควบคุมแหล่งวัตถุดิบในการผลิต B100 และเป็นการต่อยอดธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวลและ ก๊าซชีวภาพในอนาคต
และ 2) บริษัท เน็กซ์ พอยท์จำกัด (มหาชน) โดยจะเข้าลงทุนใน สัดส่วน 40% ด้วยงบลงทุน 1,500 ลบ. เพื่อเป็นการต่อยอดและพัฒนาสินค้าในหน่วยธุรกิจ EV Car
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Yuanta Securities