🥇 กฎข้อแรกของการลงทุนหรือ? รู้ว่าเมื่อใดควรประหยัด! รับส่วนลดสูงสุด 55% สำหรับ InvestingPro ก่อนโปรโมชั่น BLACK FRIDAY จะหมดเขตรับส่วนลด

คำกล่าวของประธานเฟดที่ส่งผลให้ดอลลาร์ฟื้นตัว

เผยแพร่ 02/05/2562 03:38
อัพเดท 09/07/2566 17:31
EUR/USD
-
GBP/USD
-
USD/JPY
-
AUD/USD
-
EUR/GBP
-
NZD/USD
-
DX
-

ภาพรวมตลาดฟอเรกซ์ประจำวันที่ 1 พฤษภาคม 2019

โดย Kathy Lien กรรมการผู้จัดการด้านกลยุทธ์ฟอเร็กซ์จาก BK Asset Management

วันแรกของเดือนพฤษภาคม Federal Reserve ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐกลับมาคึกคักอีกครั้ง เงินดอลลาร์สหรัฐ ฟื้นตัวกลับมาสูงกว่าเดิมและมีการซื้อขายเพิ่มมากขึ้นหลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) มีท่าทีที่จะผ่อนคลายนโยบายทางการเงินมากขึ้น เขากล่าวว่านโยบายของเฟดมี “ระดับที่เหมาะสมแล้วในขณะนี้” และ “เรายังไม่เห็นว่าจะมีความเคลื่อนไหวในทิศทางใด” ในขณะที่ แถลงการณ์ของ FOMC ยังมุ่งเน้นไปที่ปัญหาต่างๆ อย่างเช่น อัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ การใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนทางธุรกิจลดน้อยลง นายพาวเวลไม่สนใจข้อกังวลเหล่านี้นัก แม้ว่าเขาจะทราบดีว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดต่ำลง แต่ก็เป็นเพียงปัจจัยที่จะมีผลในระยะเวลาเพียงสั้นๆ เท่านั้น เขายังกล่าวด้วยว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนในภาคธุรกิจน่าจะฟื้นตัวกลับมาได้อย่างแน่นอน แต่ยอมรับว่าข้อกังวลต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเดือนมีนาคม (อย่างเช่น Brexit ยุโรป และจีน) ยังคงมีความเสี่ยงอยู่ในระดับ "ปานกลาง" ความเห็นในลักษณะที่มีความหวังเช่นนี้ทำให้ค่าดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอย่างมากจนทำให้ EUR/USD ต่ำกว่า 1.12 และ AUD/USD เปลี่ยนแปลงไปเพียง 70 เซนต์ USD/JPY ซึ่งเคยตกไปอยู่ที่ 111.05 จากแถลงการณ์ของ FOMC ก็ขึ้นแตะจุดสูงสุดที่ 111.60 ในช่วง การแถลงข่าว ของนายพาวเวล เงินดอลลาร์น่าจะแข็งค่าขึ้นด้วยเหตุผล 2 ข้อคือ หนึ่ง ประธานเฟดแถลงไว้อย่างชัดเจนในเชิงเศษฐศาสตร์ว่าเขาเห็นน้ำอยู่ครึ่งแก้วแล้วและหวังว่าจะมีการพัฒนาการที่ดีขึ้นต่อไปเมื่อปัญหาต่างๆ ก่อนหน้านี้คลี่คลายลง เหตุผลข้อที่สองคือเขาไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องกล่าวถึง การลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นมุมมองที่ตรงกันข้ามกันกับธนาคารกลางแห่งอื่นๆ ที่แสดงความกังวลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและพูดถึงโอกาสที่จะตอบโต้กับแนวโน้มดังกล่าว การเปลี่ยนแปลงของนโยบายทางเศรษฐกิจและการเงินเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นในเดือนเมษายนและจะเป็นสกุลเงินที่ยังได้รับความต้องการต่อไป

ดอลลาร์ นิวซีแลนด์ และ ออสเตรเลีย แข็งค่าขึ้นมากที่สุดอันเนื่องมาจาก ดอลลาร์สหรัฐ ที่สูงขึ้น ถึงแม้ว่า อุตสาหกรรมการผลิต ในออสเตรเลียจะดีขึ้นในเดือนก่อนหน้านี้ สภาวะตลาดแรงงานในนิวซีแลนด์ยังคงย่ำแย่ในช่วงไตรมาสแรก อัตราการว่างงาน ลดลงเนื่องจาก อัตราผู้ที่อยู่ในวัยทำงาน มีต่ำลง และที่สำคัญมากคือ การจ้างงาน ลดลง 0.2% ธนาคารกลางของนิวซีแลนด์จะมีการประชุมใน สัปดาห์หน้า และจากการรายงานคืนวานนี้ว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ย ด้วยท่าทีของเฟดที่มีแนวโน้มว่าจะผ่อนคลายลงในวันนี้ NZD/USD จึงน่าจะลงไปต่ำกว่า 66 เซนต์และจะพุ่งไปแตะแนวรับที่ .6500

ดอลลาร์สหรัฐ ยังคงนิ่งและอาจลดลงต่อเนื่องจากการรายงาน ยอดขายปลีก ของยูโรโซนซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดยังเปราะบางอยู่ แต่ความมุ่งหมายหลักยังคงเกี่ยวข้องกับค่าเงินอังกฤษ GBP/USD ฟื้นตัวขึ้นได้แม้ว่าดัชนี PMI จะอ่อนแรงและมีการ อนุมัติสินเชื่อ ที่น้อยลง เนื่องจากนักลงทุนไม่เชื่อว่าธนาคารกลางแห่งอังกฤษยังไม่มีข้อมูลใหม่ในด้านเศรษฐกิจมาเสนอ แต่จากรายงาน อัตราเงินเฟ้อรายไตรมาส การคาดการณ์สภาวะทางเศรษฐกิจ และ การแถลงข่าว จากผู้ว่าการคาร์นีย์น่าจะทำให้เงินอังกฤษแกว่งตัวอย่างรุนแรงได้

เศรษฐกิจของอังกฤษยังถือว่าเป็นไปด้วยดีในสภาวะความไม่แน่นอนเรื่อง Brexit ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่ธนาคารจะต้องดำเนินการเปลี่ยนแปลงใดๆ จนกว่าจะมีการตัดสินใจเรื่อง Brexit อีกครั้ง นายกรัฐมนตรีเมย์ซื้อเวลาให้กับประเทศต่อไปอีก 6 เดือน แต่ก็ยังเป็นความกังวลในการประชุมของของธนาคารอังกฤษ (BoE) ในการตัดสินใจครั้งนี้ ในขณะที่ธนาคารกลางก็มีท่าทีที่จะไม่ประนีประนอม จึงมีความลำบากที่จะดึงดูดให้มีผู้สนใจซื้อเงินอังกฤษให้ทันก่อนวันที่ 31 ตุลาคมนี้ จากการประชุม BoE เดือนมีนาคมที่ผ่านมา เงินสเตอร์ลิง กลับมาแข็งค่าขึ้นหลังจากที่มี การตัดสินใจปรับอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากธนาคารกลางกล่าวว่า “อาจต้องมีการจำกัดและปรับอัตราดอกเบี้ยเป้าหมายขึ้นอย่างช้าๆ” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อัตราการว่างการ ก็ลดลงต่ำสุดในรอบตั้งแต่ปี 1970 เป็นต้นมา ค่าจ้างแรงงานที่เพิ่มขึ้นช่วยให้ ยอดขายปลีก เติบโตอย่างรวดเร็ว แต่อัตราเงินเฟ้อยังคงต่ำ GDP ไม่เติบโตเท่าที่ควร กิจกรรมใน ภาคบริการ หดตัวลง และยังเกิด การขาดดุลการค้า BoE ย่อมไม่พอใจกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เหล่านี้ที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่ด้วยการใช้จ่ายอย่างสม่ำเสมอประกอบกับการเพิ่ม อุตสาหรกรรมการผลิต น่าจะช่วยให้ภาวะทางเศรษฐกิจคงที่ต่อไป หากธนาคารกลางยังมีความคิดเห็นในทางบวกว่าการยืดเวลา Brexit ออกไปจะยังเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ EUR/GBP อาจตกลงไปต่ำกว่า 85 เซนต์ แต่หากมีการปรับเปลี่ยนการพยากรณ์ทางเศรษฐกิจเพียงเล็กน้อยหรือมีความเห็นไปในเชิงการผ่อนปรน GBP/USD อาจลงไปต่ำกว่า 1.28

GBP Data Points

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย