🏃 คว้าข้อเสนอ Black Friday ก่อนใคร รับส่วนลดสูงสุด 55% สำหรับ InvestingPro ตอนนี้!รับส่วนลด

จับตามุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มนโยบายการเงินบรรดาธนาคารกลางหลัก

เผยแพร่ 18/11/2567 08:46
  • สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทอ่อนค่าลงหนัก ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ การปรับตัวลงต่อเนื่องของราคาทองคำ รวมถึงการอ่อนค่าลงของเงินหยวนจีน (CNY) และแรงขายสินทรัพย์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติ
  • ควรจับตา การปรับมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มนโยบายการเงินของบรรดาธนาคารกลางหลัก ผ่าน รายงานข้อมูลเศรษฐกิจ อาทิ อัตราเงินเฟ้อ CPI (อังกฤษและญี่ปุ่น) และดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ รวมถึง ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก (เฟด, BOE และ ECB)
  • ทิศทางของเงินดอลลาร์ จะขึ้นกับมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของบรรดาธนาคารกลางหลัก ทั้ง เฟด BOE ECB และ BOJ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มบรรดาสกุลเงินหลัก อาทิ เงินปอนด์อังกฤษ (GBP) ได้ ในส่วนของค่าเงินบาท เราประเมินว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทอาจชะลอลงบ้าง ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ที่อาจจำกัดลง ทว่าต้องรอจับตาว่า ราคาทองคำจะสามารถรีบาวด์ขึ้นต่อเนื่องได้หรือไม่ รวมถึงรอติดตามทิศทางเงินหยวนจีน (CNY) และแรงขายสินทรัพย์ไทยจากบรรดานักลงทุนต่างชาติ
  • มองกรอบเงินบาทสัปดาห์นี้
    34.50-35.10
    บาท/ดอลลาร์

มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก

  • ฝั่งสหรัฐฯผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตและภาคการบริการ (S&P Manufacturing and Services PMIs) เดือนพฤศจิกายน รวมถึงรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประเมินทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของเฟด หลังล่าสุดเจ้าหน้าที่เฟดบางส่วนเริ่มส่งสัญญาณว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปมากขึ้น ซึ่งผู้เล่นในตลาดต่างก็ประเมินว่า เฟดเริ่มมีโอกาสมากขึ้นที่จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ ส่วนในปีหน้าเฟดก็อาจลดดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้ง ซึ่งน้อยกว่าที่เฟดได้ระบุไว้ใน Dot Plot เดือนกันยายน
  • ฝั่งยุโรปผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ผ่านรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของอังกฤษ ทั้ง อัตราเงินเฟ้อ CPI ยอดค้าปลีก (Retail Sales) ในเดือนตุลาคม รวมถึงดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ ในเดือนพฤศจิกายน รวมถึงถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ BOE ซึ่งล่าสุด บรรดาผู้เล่นในตลาดยังคงเชื่อว่า BOE จะยังไม่รีบเดินหน้าลดดอกเบี้ยต่อเนื่องในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ (โอกาสลดดอกเบี้ย 25bps น้อยกว่า 20%) นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการปรับดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) จากทั้งดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ รวมถึงถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ ECB เช่นกัน ซึ่งเป็นที่น่าสนใจว่า ผู้เล่นในตลาดยังคงเชื่อว่า ECB จะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยต่อเนื่องได้ในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ และมีโอกาสราว 24% ที่ ECB อาจเร่งลดดอกเบี้ยถึง 50bps ได้ 
  • ฝั่งเอเชียไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่รายงานข้อมูลเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ซึ่งผู้เล่นในตลาดจะใช้ประกอบการประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาทิ อัตราเงินเฟ้อ CPI ยอดการส่งออกและนำเข้า (Exports & Imports) ในเดือนตุลาคม รวมถึง รายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการในเดือนพฤศจิกายน โดยล่าสุดผู้เล่นในตลาดเริ่มประเมินว่า มีโอกาสราว 54% ที่ BOJ อาจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย +25bps ในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ ในส่วนนโยบายการเงิน เราประเมินว่า ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) อาจคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 6.00% เพื่อช่วยลดแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าและรักษาเสถียรภาพของค่าเงินรูเปียะห์ (IDR) ที่เผชิญการอ่อนค่าพอสมควรเช่นเดียวกับบรรดาสกุลเงินฝั่งเอเชีย ท่ามกลางความกังวลผลกระทบต่อเศรษฐกิจฝั่งเอเชียจากนโยบายรัฐบาล Trump 2.0
  • ฝั่งไทยผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานอัตราการเติบโตเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 โดยบรรดานักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า เศรษฐกิจไทยอาจขยายตัวได้ราว +2.4%y/y หนุนโดยการขยายตัวในภาคการส่งออกและการลงทุน โดยเฉพาะในส่วนของการลงทุนภาครัฐ ในส่วนของแนวโน้มค่าเงินบาทนั้น เราประเมินว่า เงินบาทมีโอกาสชะลอการอ่อนค่าลง โดยเฉพาะหากราคาทองคำสามารถรีบาวด์ขึ้นได้บ้าง อีกทั้งเงินดอลลาร์ก็อาจไม่ได้แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องไปมากนัก หลังผู้เล่นในตลาดได้รับรู้แนวโน้มเฟดอาจลดดอกเบี้ยน้อยกว่าที่ระบุไว้ใน Dot Plot เดือนกันยายน มากพอสมควรแล้ว นอกจากนี้ ในเชิงเทคนิคัล สัญญาณจาก RSI, MACD และ Stochastic ใน Time Frame รายวัน ก็สะท้อนว่า แม้เงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าลงต่อ ทว่าโมเมนตัมการอ่อนค่าก็ชะลอลง ทำให้เราประเมินว่า เงินบาทอาจยังไม่สามารถอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้าน 35.20-35.30 บาทต่อดอลลาร์ ได้ในระยะสั้นนี้ โดยเราได้ Call Short-term Peak USDTHB แถวโซน 35.20-35.30 บาทต่อดอลลาร์ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา และมีโอกาสที่เงินบาทอาจผ่านจุดอ่อนค่าสุดในระยะสั้นไปแล้ว จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย