Under pressure / Oil
• SET: วานนี้ SET Index ยังคงถูกกดดันต่อไป จากแรงขายของนักลงทุน สถาบันในประเทศที่เกิดขึ้นเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน โดยมีวอลุ่มฝั่งซี้อไม่ถึง ระดับ 10% เป็นวันที่ 2 ติดต่อกันแล้ว ประเมินทิศทางของดัชนี SET และ ท่าทีของนักลงทุนกลุ่มนี้จะยังซึมูตัวต่อไป ส่วนหนึ่งเป็นเพราะปัจจัย การเมืองที่รออยู่ในวันที่ 22 พ.ย. นี้ ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาว่าจะรับ หรือไม่รับคําร้อง กรณีคุณทักษิณครอบงําพรรคเพื่อไทย ส่วนปัจจัย ต่างประเทศ เรายังคงเห็นการโยกย้ายเม็ดเงินออกจากสินทรัพย์ต่างๆเข้าสู่ สินทรัพย์ในธีม Trump trade ต่อไป ล่าสุดเงิน USD พุ่งสูงขึ้นทําจุดสูงสุด ใหม่พร้อมๆกับคาดการณ์ของนักลงทุนที่มองว่า Fed อาจคงดอกเบี้ยใน การประชุมเดือนธ.ค.ที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 41% แล้ว (รูปที่ 1)
• OPEC: OPEC ปรับลดคาดการณ์การเติบโตอุปสงค์นํามันโลกประจําปีนี้ และปีหน้า โดยถือเป็นการปรับลดประมาณการเป็นเดือนที่ 4 เดือน ติดต่อกันแล้ว ปัจจัยดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลกดดันต่อราคานํามันดิบใน ระยะสั้น ซึ่งยังมีปัจจัยกดดันด้านอื่นอีกในตอนนี้ เช่น การแข็งค่าของเงิน USD ที่ทําจูดสูงสุดใหม่ อย่างไรก็ดี เรายังคงมุมมองเดิมว่า Downside ของราคานํามันดิบน่าจะยังถูกจํากัดอยู่ที่บริเวณ 70 เหรียญฯต่อบาร์เรล และน่าจะค่อยๆทยอยฟื้นตัวขึ้นในช่วงถัดไปจากแนวนโยบายของว่าที่ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ที่ยังคงต้องการสนับสนุนอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิล ต่อไป
• Our take: มองกลุ่มหุ้น Oil & Gas ของไทยมีโอกาสถูกกดดันจากราคา นํามันในระยะสั้น อย่างไรก็ดี ประเมินว่าราคาหุ้นไม่ว่าจะเป็นกลุ่มต้นน่า อย่าง PTTEP กลุ่มกลางน้ําอย่างโรงกลั่น และกลุ่มปลายน้ําอย่าง Oil Retailer เริ่มมีความน่าสนใจมากขึ้น หลังจากที่ราคาหุ้นได้ปรับตัวลงมา มู ขับข่าวร้ายผลประกอบการไตรมาส 3 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยต่อจากนี้ ช่วงไตรมาส 4 คาดว่าจะไม่มีผลกระทบรุนแรงด้าน Stock loss อีก ไม่นับ รวมกับค่าการกลั่นที่ทยอยฟื้นตัวขึ้นมาแล้ว (รูปที่ 2) และ High season ของการเดินทางูในประเทศ โดยสรุปหุ้นในกลุ่ม Oil & Gas ที่เราแนะนํา “ชื่อ” ในเชิงพื้นฐานปัจจุบันได้แก่ PTTEP, BCP, TOP, OR, PTG
• MINT: รายงานกําไรจากการดาเนินงานปกติที่ 2.6 พันล้านบาท ใกล้เคียง ที่เราและตลาดคาด โดยปรับตัวลดลง 18% QoQ แต่ยังคงเติบโต 16% YOY รายได้กลุ่มโรงแรมเติบโต 6% YoY จาก RevPar ที่สูงขึ้นของโรงแรม ในยุโรปและไทย แต่ Maldives ยังคงเป็นประเทศที่มี RevPar ปรับตัว ลดลง รายได้จากกลุ่มร้านอาหารเติบโต 3% YoY โดยเติบโตจากประเทศ ไทยและสิงค์โปร์ แต่จีนยังคงลดลง 20% YoY คงคาดการณ์กําไรปีนี้ที่ 8.3 พันล้านบาท แม้ว่ากําไร 9M จะออกมาคิดเป็นสัดส่วนเพียง 66% เนื่องจากมองว่าไตรมาส 4 จะเห็นการเติบโตอย่างเห็นได้ชัดในทุกๆธุรกิจ แนะนํา “ อ” ในเชิงพื้นฐานที่ราคาเป้าหมายเดิม 42 บาท
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities