📈 คุณจะเริ่มลงทุนอย่างจริงจังในปี 2025 ไหม? เริ่มต้นก้าวแรกพร้อมรับส่วนลด 50% สำหรับสมาชิก InvestingProรับส่วนลด

CONSUMPTION, นิคมฯ และ CHINA PLAY

เผยแพร่ 01/11/2567 12:50

SET INDEX วานนี้ปรับขึ้นแรงมายืนเหนือ 1460 จุด ซึ่งเราประเมินว่า น่าจะเป็นต้นทุนเฉลี่ยของวายุภักษ์ อีกครั้งหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามรูปแบบ ของการปรับตัวขึ้นยังค่อนข้างกระจุกตัว ประเมินทิศทางจากนี้ไปยังน่าจะ เห็นความผันผวนได้อยู่ แต่ DOWNSIDE จ ากัด ส าหรับปัจจัยแวดล้อม ทางพื้นฐานเช้านี้ มีน้ าหนักค่อนไปทางบวกตามตัวเลขเศรษฐกิจที่ ประกาศออกมา โดยในสหรัฐตัวเลขการขอรับสวัสดิการว่างงานฯ ออกมาต่ ากว่าคาด ในส่วนของจีน พบว่าตัวเลข PMI ขยับขึ้นมาสูงกว่า 50 จุด ส่วนบ้านเรา ธปท. ประเมินว่าในงวด 3Q67 GDP GROWTH น่าจะแตะระดับ 3% YOY และโตต่อเนื่องในงวด 4Q67 หนุนให้ทั้งปี 2567 เราเติบโตที่ 2.7% INVESTMENT THEME ก าหนดอยู่ในกลุ่ม DOMESTIC CONSUMPTION, นิคมฯ และ กลุ่ม CHINA PLAY การกลับมายืนเหนือ 1460 จุด ถือเป็นสัญญาณเชิงบวก แต่ก็ยังเชื่อว่า SET INDEX จะขยับขึ้นไปยืนเหนือ 1460 จุด ไม่มาก วันนี้ก าหนดกรอบ 1456 –1475 จุด หุ้น TOP PICK เลือก CBG, CPAXT และ SCGP

สัญญาณเศรษฐกิจดูดี อาจหนุนให้ FED ลดดอกเบี้ยช้าลง วานนี้ ตลาดหุ้นโลกผันผวนหนัก เฉพาะอย่างยิ่งดัชนี NASDAQ ร่วงลงแรงราว - 2.8% จากความกังวลเรื่องผลประกอบการหุ้นกลุ่มเทคฯ มีโอกาสน้อยกว่าคาด จาก ต้นทุน AI ที่สูงขึ้น รวมถึงในช่วงสัปดาห์มี EVENTS ส าคัญๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อ ตลาดการเงิน อาทิ การเลือกตั้งสหรัฐฯ ในวันที่ 5 พ.ย. 67 และการประชุม FED ใน วันที่ 7 พ.ย. 67

นอกจากนี้ยังเป็นผลสืบเนื่องของ BOND YIELD 10Y สหรัฐฯ ที่เร่งตัวขึ้นอย่าง รวดเร็วนับแต่ต้นเดือน ต.ค. 67 จาก 3.6% สู่ระดับ 4.3% ซึ่งเข้าใกล้จุดที่ DOT PLOT คาดการณ์ดอกเบี้ยปลายปี 2024 มากขึ้นทุกที สะท้อนมุมมองตลาดฯ กังวลแนวทางการลดดอกเบี้ยของ FED อาจไม่ชัดเจน หรือ เสี่ยงปรับลดดอกเบี้ยช้าลง หลังตัวเลขส าคัญทางเศรษฐกิจที่รายงานออกมาล่าสุด ล้วนส่งสัญญาณว่าภาพรวมเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่ดีขึ้น อาทิ

 ผู้ขอสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ ล่าสุดอยู่ที่ 216,000 ต าแหน่ง ต่ ากว่าตลาด คาด และชะลอตัวลงจ าสัปดาห์ก่อน สะท้อนถึงภาวะการมีงานท า ลดแรง กดดันเรื่องก าลังซื้อแผ่วลง

 ดัชนีราคารายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) สหรัฐฯ เดือน ก.ย. 67 ขยายตัว 2.1% ตามคาด แต่ CORE PCE ปรับตัวสูงขึ้น +2.7% ซึ่งมากกว่า ตลาดคาดที่ 2.6% สะท้อนการบริโภคยังคงแข็งแกร่ง

 เงินเฟ้อยุโรป เดือน ต.ค. 67 ปรับตัวสูงขึ้น +2.0% มากกว่าคาด สอดคล้อง กับ GDP GRWOTH ที่มีแนวโน้มดีขึ้น

สรุป ตลาดหุ้นโลกผันผวนหนัก จากความกังวลความไม่แน่นอนที่รออยู่ข้างหน้า บวท กับ FED อาจลดดอกเบี้ยช้ากว่าคาด หลังพบสัญญาณว่าภาพรวมเศรษฐกิจมี แนวโน้มที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ถือเป็นการดลแรงกดดันต่อการเกิด RECESSION ดัชนี PMI ภาคการผลิตจีน (OFFICIAL) เดือน ต.ค. 67 อยู่ที่ 50.1 พลิก กลับมาอย่ในโซนขยายตัว (PMI > 50) ขยายตัวครั้งแรกในรอบ 6 เดือน สอดคล้องกับ ส านัก CAIXIAN ที่ล่าสุดออกมาอยู่ที่50.3 ท าจุดสูงสุดในรอบ 4 เดือน ถือเป็นสัญญาณการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีน หลังรัฐบาลออกนโยบาย กระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่นับแต่ช่วงปลายเดือน ก.ย. 67

สรุป ตลาดหุ้นโลกผันผวนหนัก จากความกังวลความไม่แน่นอนที่รออยู่ข้างหน้า บวท กับ FED อาจลดดอกเบี้ยช้ากว่าคาด หลังพบสัญญาณว่าภาพรวมเศรษฐกิจมี แนวโน้มที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ถือเป็นการดลแรงกดดันต่อการเกิด RECESSION

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ มีอะไรรออยู่บ้าง วานนี้โฆษกกระทรวงการคลัง แถลงผลประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 67 ว่า เศรษฐกิจ ไทยปีนี้คาดว่าจะขยายตัวที่ 2.7%YOY น าโดยการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและ ส่งออก ซึ่งจ านวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เข้าไทยปี 2567 คาดว่าจะมี 36 ล้านคน

ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง คาดว่าจะขยายตัวได้ที่ 4.6%YOY ส าหรับมูลค่าการส่งออกสินค้า คาดว่าขยายตัว 2.9%YOY ,การบริโภคภาครัฐคาด ว่าขยายตัว 2.1%YOY และการลงทุนภาครัฐขยายตัวที่ 0.8%YOY ส่วนอัตราเงิน เฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ 0.4%YOY ลดลงจากประมาณการครั้งก่อน เนื่องจากราคา พลังงานในตลาดโลกปรับลดลง ส่วนปี 2568 กระทรวงการคลังคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเร่งขึ้นที่ 3%YOY ต่อ ปี จากปัจจัยบวก 4 ด้านหลัก คือ การบริโภคภาคเอกชน +2.9%YOY การส่งออก สินค้า+3.1%YOY การท่องเที่ยว การลงทุนทั้งภาครัฐ +4.7%YOY และเอกชน + 2.3%YOY ซึ่งหนุนมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เตรียมไว้หลังจากนี้

โดยวันที่ 1 พ.ย. 67 คุณพิชัย รมว.คลัง จะเข้าหารือกับธนาคารไทย เพื่อพิจารณา มาตรการช่วยเหลือด้านอสังหาริมทรัพย์ และสินเชื่อกระบะเพิ่มเติม เนื่องจากบาง มาตรการที่มีอยู่ ทั้งการลดค่าธรรมเนียมการโอน และจดจ านองอสังหาริมทรัพย์ ที่จะ สิ้นสุดในปี 2567(รายละเอียดอยู่ในหัวข้อถัดไป) วันที่ 4 พ.ย. 67 คลังเตรียมเสนอเรื่องมาตรการที่จะออกมากระตุ้นเศรษฐกิจในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปี 2567 และมาตรการของขวัญปีใหม่ 2568 ที่จะออกมาในช่วงเดือน ธ.ค. ซึ่งฝ่ายวิจัยฯคาดว่าจะเป็นมาตรการคล้ายเดิมในอดีต อาทิแจกเงิน 10,000 บาท เฟส 2, EASY E-RECEIPT และ การกระตุ้นการท่องเที่ยว ผ่านโครงการใหม่ๆ อาทิ เทศกาลลอยกระทง, เทศกาล LANNA WINTER WONDERLAND , งาน เชียงรายดอกไม้งามปีที่ 21 และตักบาตรดอกไม้ เป็นต้น

สรุป เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตเด่น ตั้งแต่ช่วง 4Q67-2568 ตามความคาดหวัง การอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของรัฐบาล ผ่านมาตรการต่างๆ ดังนั้นหาก SET ปรับตัวลงตาม SENTIMENT ลบจากสหรัฐฯ ถือเป็นจังหวะในการทยอยซื้อ สะสม

คลังเตรียมพิจารณามาตรการกระตุ้นอสังหาฯ เพิ่มเติม พร้อม เสนอครม. สัปดาห์หน้า กระทรวงการคลัง เปิดเผยวันนี้ (1 พ.ย. 2567) มีแผนหารือร่วมกับสมาคมธนาคาร ไทยในการพิจารณามาตรการช่วยเหลือด้านอสังหาฯ โดยจะมีการหารือทั้งแก้หนี้ บ้าน รวมถึงแนวทางลดภาระดอกเบี้ย เช่น พักดอกเบี้ย และ ยืดอายุผ่อนบ้าน ส าหรับ บุคคลธรรมดาจนถึงอายุ 80 ปี และข้าราชการจนถึงอายุ 85 ปี ส่วนสัปดาห์หน้า เตรียมเสนอมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ รอบใหม่ เพื่อให้ครม. พิจารณา เช่น โครงการ สินเชื่อซื้อ-แต่ง-ซ่อม-สร้างบ้านและคอนโดฯ ดอกเบี้ยต่ า วงเงินรวม 5.5 หมื่นล้าน บาท เป็นต้น ขณะที่ฝั่งสมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย น าเสนอมาตรการเร่งด่วน ให้ภาครัฐและแบงค์ชาติพิจารณาไม่ว่าจะเป็นให้ธนาคารพาณิชย์ปรับเงื่อนไขสินเชื่อ บ้านให้เข้าถึงสะดวก, ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่อง, ปลดล็อกมาตรการ ควบคุมสินเชื่อ (LTV) และต่ออายุมาตรการลดค่าธรรมเนียมโอน จดจ านองที่จะสิ้นสุด ลงปี 2567

ือเป็น SENTIMENT ที่ดีต่อกลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย เนื่องจากสถานการณ์ตลาด อสังหาฯ ปัจจุบัน เผชิญกับหลายปัจจัยกดดัน โดยเฉพาะในเรื่องอัตราดอกเบี้ย และ การถูกปฏิเสธสินเชื่อจากแบงค์สูง ดังนั้นหากมีมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ จากภาครัฐ เพิ่มเติม รวมถึงการปรับลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง และผ่อนปรนมาตรการ LTV ย่อมสร้าง ประโยชน์ให้กับฝั่งผู้ซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้น ซึ่งต้องคงติดตามรายละเอียดต่อไป โดยเฉพาะมาตรการ LTV เป็นเกณฑ์ที่ถูกก าหนดโดย ธปท. ดังนั้นการตัดสินใจจะ ผ่อนคลายหรือไม่ ย่อมขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของธปท. โดยในมุมมองของฝ่ายวิจัย ให้น้ าหนักต่อประเด็นเรื่องการผ่อนปรน LTV ว่าจะมีผลต่อกลุ่มอสังหาฯ ในเชิงบวก มากกว่ามาตรการกระตุ้นอสังหาฯ อื่นของภาครัฐ เนื่องจากการเกิดขึ้นของ LTV ท า ให้ผู้ซื้อบ้านถูกจ ากัดการกู้ลง โดยเฉพาะบ้านหลังที่ 2-3 กู้ได้เพียง 70-90% (บ้านหลัง แรกวงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาท คงกู้ได้ 100% และตกแต่งเพิ่มได้อีก 10%) กอปรกับการ เข้มงวดมากขึ้นของการปล่อยสินเชื่อของแบงค์, ปัญหาเงินเฟ้อ และทิศทางดอกเบี้ย ระดับสูงในปีนี้ รวมถึงภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ท าให้ภาพรวมตลาด อสังหาฯ ปีนี้ชะลอตัวลง เมื่อเทียบกับโควิด-19 โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่อาศัยระดับกลางล่าง ได้รับผลกระทบมากกว่ากลุ่มกลาง-บน ดังนั้นมองว่าภายใต้ภาวะเศรษฐกิจไทย และภาคอสังหาฯ ที่ยังต้องการแรงสนับสนุน หากมีการปลดล็อกหรือลดความ เข้มงวดของมาตรการ LTV ย่อมเป็นผลบวกและมีโอกาสกระตุ้นภาคธุรกิจที่อยู่อาศัย ซึ่งถือเป็นธุรกิจที่สร้าง MULTIPLIER EFFECT ให้กับธุรกิจอื่นในวงจรเศรษฐกิจไทย คงแนะน าลงทุนเท่าตลาดส าหรับกลุ่มฯ เลือกหุ้นเด่นที่มีพอร์ตสินค้าหลากหลาย กระจายตัว พร้อมรับประโยชน์จากมาตรการดังกล่าว ตลอดจนผลประกอบการ 3Q67 เห็นการฟื้นตัว ได้แก่ AP(FV@B14.20) , SPALI(FV@B23.00) และ SC (FV@B3.46)

้น TECH โลกลงแรง เม็ดเงินน่าจะสลับไปหาหุ้น LAGGARD มี STORY หนุน ใกล้วันเลือกตั้งสหรัฐฯ เข้ามา ตลาดหุ้นโลกยังคงผันผวน และวานนี้หุ้นกลุ่ม TECH โลกปรับตัวลงแรง อาทิMSFT -6%, NVDA -4.7%, META -3.3%, AMZN -3.3% กดดันดัชนี NASDAQ -2.76%

นอกจากนี้ยังเห็นต่างชาติทยอยลดสินทรัพย์เสี่ยงออกจากพอร์ตการลงทุน สะท้อน ได้จากต่างชาติขายสุทธิหุ้นในภูมิภาคทุกประเทศในวานนี้ และยังเป็นการขายสะสมทุก ประเทศในสัปดาห์นี้ด้วย

กลับมาที่ตลาดหุ้นไทยในเดือน ต.ค. SET INDEX ปรับตัวขึ้นมาได้ 17 จุด อยู่ที่ 1466 จุด แต่แรงผลักดันหลักๆ เกิดขึ้นจาก 5 หุ้น TECH หนุน SET +50 จุด คือ DELTA หนุน SET 31 จุด, GULF 9 จุด, INTUCH 4 จุด, ADVANC 4 จุด, TRUE 3 จุด

ทั้ง FUND FLOW ไหลออก และหุ้น TECH โลกที่เริ่มย่อตัวลง ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน แนะน าถือเงินสดบางส่วน และสลับไปเข้าหุ้นที่มีปัจจัยบวกหนุน ราคา LAGGARD ดังนี้

1. หุ้นน้ ามัน BCP,BSRC, PTTEP

2. หุ้นอิงเศรษฐกิจจีนทยอยฟื้น SCGP, PTTGC, IVL, SJWD, III, ERW, CENTEL

3. หุ้น DOMESTIC ก าไรเด่น PLANB, CBG, CK, BEM

มุมมองต่อทิศทางก าไรกลุ่มโรงไฟฟ้า แนวโน้มก าไรปกติของกลุ่มโรงไฟฟ้างวด 3Q67 คาดปรับตัวลดลง QOQ โดยมีแรง กดดันจากผลประกอบการของกลุ่มโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ภาพรวมคาดก าไรปกติ อ่อนตัว ถึงแม้คาดว่าผลประกอบการของกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนจะฟื้นตัว QOQ แต่ไม่สามารถชดเชยได้หมด โดยในกลุ่มโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ : คาดก าไรปกติที่ลดลง QOQ ถูกดดันหลักจากอัตรา ก าไรขั้นต้นของกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ที่อ่อนตัว ตามต้นทุนก๊าซธรรมชาติ และถ่านหินที่ เพิ่มขึ้น ในขณะที่ค่า FT งวดนี้ยังถูกตรึงไว้ในระดับเดิม อีกทั้งคาดปริมาณขายไฟฟ้า กลุ่มโรงไฟฟ้า IPP จะอ่อนตัว หลังผ่านพ้นช่วงความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของไทย มาแล้ว นอกจากนี้คาดบริษัทที่มีโรงไฟฟ้าในสหรัฐฯ ยังได้รับผลกระทบจากราคาขาย ไฟฟ้าที่ลดลง QOQ จากสภาพอากาศที่อบอุ่น ท าให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าโดยรวม ยังอยู่ในระดับต่ า แม้จะเข้าสู่ช่วงฤดูร้อนของสหรัฐฯก็ตาม ประกอบกับยังได้รับผลกระทบของค่าเงินบาทในงวด 3Q67 ที่แข็งค่า ส่งผลให้มีการบันทึกก าไรหลังจาก แปลงค่าเงินกลับมาเป็นสกลุลบาทได้น้อยลง ในส่วนของกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน : ภาพรวมคาดยังมีก าไรปกติที่ปรับตัวดี ขึ้น QOQ โดยได้รับปัจจัยหนุนหลักจากผลประกอบการของกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานน้ า ที่คาดปรับตัวดีขึ้นตามการเข้าสู่ช่วง PEAK SEASON ในฤดูฝน ประกอบกับคาด กลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานลมจะเริ่มผลิตกระแสไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น QOQ ตามกระแสลมที่ ได้รับอานิสงส์ของสภาวะอากาศแบบลานีนา (ฝนตกหนัก) ในช่วง 2H67 ถึงแม้คาดว่า ผลประกอบการของกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จะปรับตัวลดลงหลังผ่านพ้น ช่วง HIGH SEASON ของแสงแดดในช่วง 2Q67 มาแล้วก็ตาม

ส าหรับ TOP PICKS กลุ่มฯ งวดนี้ เลือก GULF (OUTPERFORM: FV@68B) แม้ ก าไรปกติช่วงสั้น 3Q67 คาดอ่อนตัว QOQ แต่ภาพระยะยาวถือเป็นตัวเลือกที่มีก าไร แข็งแกร่งสุดของกลุ่มในยามนี้ พร้อมคาดหวังโอกาสการเกิด SYNERGY ในธุรกิจ ใหม่ๆได้ในอนาคต แนะน าเน้นหาจังหวะทยอยสะสมส าหรับการลงทุนในระยะยาว, และ CKP (OUTPERFORM: FV@4.5B) ที่คาดก าไรปกติจะปรับตัวขึ้นท าระดับสูงสุดของ ปี ระยะสั้นจึงเน้นหาจังหวะ TRADING ตามช่วงฤดูกาล

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย