MPC in focus
• World: ตลาดหุ้นสหรัฐฯน่าโดยดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นท่าจุดสูงสุดใหม่ เมื่อคืนนี้ โดยมีปัจจัยหนุนจากความคาดหวังเชิงบวกต่อเทศกาลประกาศ ผลประกอบการที่กาลังจะเกิดขึ้น ในขณะที่ตลาดหุ้นจีนเข้าสู่โหมดทรงด้ว มากขึ้น ภายหลังจาก Earning yield gap ของดัชนี Shanghai composite กลับเข้าสู่ภาวะสมดุล และนักลงทุนผิดหวังเล็กๆต่อการแถลงมาตรการของ กระทรวงการคลังจีนในช่วงสุดสัปดาห์ ที่ไม่ได้มีการระบุขนาดของมาตรการ อย่างเป็นรูปธรรม สําหรับตลาดหุ้นไทย คาดว่าดัชนี SET Index จะยัง แกว่งทรงตัวต่อไปได้ ท่ามกลางการปะทะกันอย่างต่อเนื่องระหว่างแรงซื้อ ของนักลงทุนสถาบันในประเทศ กับแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ ที่เรา คาดว่าจะนําเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหากมีสัญญาณที่ Dovish มากขึ้นจากการประชุมกนง.สัปดาห์นี้ (รายละเอียดด้านล่าง) ในเชิงกลยุทธ์ แนะถือครองหุ้นกลุ่ม Domestic play ที่มี Valuation ต่าต่อไป ได้แก่ AP, COM7, HMPRO, ERW, ICHI, SAWAD, AEONTS, KTC, DIF, CPNREIT
• MPC: ปัจจัยสําคัญที่สุดในสัปดาห์นี้คงหนีไม่พ้นการประชุม คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทยในวันที่ 16 ต.ค. ซึ่งเรา คาดการณ์เช่นเดิมว่าจะมีมติคงดอกเบี้ยที่ระดับ 2.50% ไปก่อนในรอบนี้ แต่มีประเด็นที่น่าติดตามก็คือว่า เสียงของมติที่ออกมาจะมีเสียงฝั่งเห็นควร ให้ลดดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 1 เสียงหรือไม่ หากมีเพิ่มขึ้น และโทนของ Statement ที่ออกมามีความ Dovish มากขึ้น เช่น การเน้นย้าถึงความเสี่ยง ขาลงของเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น แรงกดดันเงินเฟ้อที่น้อยลง ความจําเป็นของ กระบวนการ De-leveraging ที่ลดน้อยลง คาดว่าจะเป็นการเพิ่มความน่าจะ เป็นต่อไปยังการลดดอกเบี้ยของกนง. ในการประชุมครั้งสุดท้ายของปีวันที่ 18 ธ.ค.นี้ได้
• Our take: การลดดอกเบี้ยนโยบายภายในปีนี้ที่ 0.25% ถือเป็นสิ่งที่อยู่ ในสมมติฐานการลงทุนและสมมติฐานระดับดัชนี SET เป้าหมายที่ 1480 จุด ตามวิธี PE Model ของเรามาก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้นหากมีการปรับ ลดจริง จะไม่ส่งผลกระทบต่อการคานวณดังกล่าว แต่จะไปส่งผลกระทบต่อ อีกมาตรวัดหนึ่ง นั่นก็คือ Earning yield gap (EYG) ที่กว้างขึ้น จาก Bond yield ที่ลดลง เนื่องจากปัจจุบัน Bond yield และ Swap rate ของไทย ยังไม่ได้ Price in ปัจจัยการลดดอกเบี้ยมากนัก (44%) มองภาพ EYG ทีมีโอกาสกว้างขึ้นนี้ จะส่งผลบวกทําให้แรงซื้อของนักลงทุนสถาบัน ภายในประเทศในตลาดหุ้นจะยังด่าเนินต่อไป รวมถึง Sentiment ของกลุ่ม Bond-liked ในประเทศอย่าง REIT/IFF/Utilities เป็นต้น
• THB: ขณะเดียวกัน ด้วยการที่ตลาดยังไม่ได้ Price in การลดดอกเบี้ยมาก นัก หากโทนที่ออกมาในการประชุมกนง.ครั้งนี้มีความ Dovish มากขึ้นจริง สิ่งที่จะตามมาด้วยเช่นกันคือค่าเงินบาทที่มีโอกาสแกว่งตัวอ่อนค่ามากขึ้น ซึ่งอาจน่ามาสู่การปิดสถานะในตลาดทุนไทยของนักลงทุนต่างชาติ บางส่วน ทําให้ภาพที่เราเห็นนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยมา อย่างต่อเนื่อง ก็มีโอกาสที่จะด่าเนินต่อไปเช่นเดียวกัน
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities