USD carry trade continues
• SET & World: วานนี้ SET Index ปรับตัวขึ้นพร้อมกับตลาดหุ้น Emerging market โดยส่วนใหญ่ จากปรากฏการณ์ USD Carry trade ที่ดําาเนินต่อไปท่ามกลางเงิน USD ที่ทรงตัวอ่อนค่าต่อเนื่อง ภายหลังจาก Fed มีมติปรับลดดอกเบี้ยถึง 0.50% ส่วนทางฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ เป็นไป ตามที่คาดว่าจะเห็นการกลับมาปรับตัว Outperform อีกครั้งสําหรับหุ้นกลุ่ม เทคโนโลยี จากความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่า และความสามารถ ในการทนทานต่อภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวได้ดีกว่า (NASDAQ + 2.5% vs. Dow Jones + 1.2%) รวมไปถึงหุ้นขนาดกลาง-เล็ก (Russell 2000) ที่เมื่อคืนนี้บวกได้ 2.1% จากการที่เราประเมินว่า จะเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์ ส่วนเพิ่มอย่างรวดเร็วจากการปรับตัวลงของดอกเบี้ยในตลาด (High Degree of Financial Leverage)
• 1480: ในส่วนของภาพตลาดหุ้นไทยเรานั้น จากบทวิเคราะห์เมื่อวานนี้ที่ เราประเมินว่า ไทยเราจะได้รับผลกระทบเชิงบวกทางด้านสภาพคล่องจาก การปรับลดดอกเบี้ย Fed ในระดับ 0.5% จากปรากฏการณ์ USD carry trade ที่น่าจะดํารงอยู่ และสภาพคล่องส่วนเกินที่จะเริ่มไหลกลับมาจาก บัญชี FCD อย่างไรก็ดี เรายังขอคงเป้าหมายดัชนี SET กรณีดีสุดในช่วงที่ เหลือของปีนี้ไว้ที่ระดับ 1480 จุดเท่าเดิม เนื่องจากระดับดังกล่าวเป็นระดับ ที่เรา Factor in สมมติฐานการปรับลดอกเบี้ยนโยบายของธปท.ในไตรมาส 4 ที่ระดับ 0.25% ไปแล้ว ซึ่งจากการลดดอกเบี้ยของ Fed รอบล่าสุดนี้ เราเชื่อว่ามีโอกาสมากขึ้นที่จะเกิดขึ้นได้
• Strategy: ด้วยระดับ SET Index ปัจจุบันที่เหลือ Upside จากเป้าหมาย ปีนี้ของเราที่ 1480 จุดเพียง 1.7% แล้วนั้น ทําให้ประเมินเช่นเดิมว่าใน เชิงกลยุทธ์ ยังคงต้องโฟกัสไปยังหุ้นที่มี Valuation ต่ํากว่าค่าเฉลี่ยอยู่ (Forward PE ต่ํากว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง) ซึ่งหากอ้างอิงบทวิเคราะห์ เมื่อวานนี้ เรายังคงแบ่งหุ้นที่น่าสนใจในตลาดหุ้นไทยออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
1) กลุ่ม Domestic play ที่มีความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลกใน ระดับต่ํา ทั้งนี้ หากคัดกรองโดยใช้เกณฑ์เงื่อนไขเดิมของเรา โดยติดเรื่อง Dividend yield ออกไป (Sizable + Liquidity + ESG > A) จะได้ว่าหุ้นที่ผ่านเกณฑ์ล่าสุดได้แก่ CPALL (BK:CPALL), CRC, HMPRO, BJC, GLOBAL, COM7 ในกลุ่มค้าปลีก AWC, CPN ใน กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และ KTC, SAWAD ในกลุ่มไฟแนนซ์
2) กลุ่ม Bond-liked ที่จะได้ประโยชน์จาก Bond yield ขาลง เนื่องจากจะมี Dividend yield gap ที่สูงขึ้น อาทิ IFF / REIT / Utilities ซึ่งหากคัดกรองโดยใช้เกณฑ์เงื่อนไขเดิมของเรา (Sizable + Liquidity + Div yield > 3%) จะได้ว่ามีหุ้นที่ผ่าน เกณฑ์ ได้แก่ DIF, TFFIF, EGCO, CPNREIT
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities