FOMC recap and implication
• FOMC: สรุปไฮไลท์สําคัญจากการประชุม FOMC เมื่อคืนนี้ ได้แก่
1) Fed มีมติปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% มาอยู่ที่ 4.75-5.00% ซึ่งเป็นไปตามที่นักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาด (65%) คาดการณ์ไว้ โดยมีกรรมการ 1 ท่านที่เสียงแตก ได้แก่นาง Michelle W. Bowman ที่เห็นควรให้ Fed มีการลดดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในรอบนี้
2) ค่ากลาง Dot plots มีการ Shift ลงจากเดือนมิถุนายนตามคาด โดยค่ากลาง ณ สิ้นปีนี้อยู่ที่ระดับ 4.25-4.50% Imply การลดดอกเบี้ย ลงอีก 0.50% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ส่วนค่ากลาง ณ สิ้นปี 2025 และ 2026 อยู่ที่ 3.25-3.50% และ 2.75-3.00% ตามล่าดับ
3) Fed ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราการว่างงานปีนี้จาก 4.0% เป็น 4.4% และปีหน้าจาก 4.2% เป็น 4.4% ส่วนคาดการณ์เงินเฟ้อ (Core PCE) ถูกปรับลงจาก 2.8% เป็น 2.6% และ 2.3% เป็น 2.2% ตามล่าดับ
4) ใน Statement ที่ออกมา Fed มีการตระหนักถึงภาวการณ์จ้างงานที่ ชะลอตัวลง และมีความเชื่อมั่นต่อเส้นทางเงินเฟ้อที่จะกลับเข้าสู่กรอบ เป้าหมายที่ 2.0% มากขึ้น โดย Fed มองว่าความเสี่ยงของเป้าหมาย การจ้างงานและเงินเฟ้อ งเป็น 2 Mandate สําคัญตอนนี้อยู่ในระดับที่ เท่าๆกัน
5) Reaction หลังการประชุม พบว่ามีการปรับลงเล็กน้อย โดย ณ ขณะนี้ Price in โอกาสการปรับลดดอกเบี้ยอีก 0.50% เป็นอย่างน้อยในการ ประชุมที่เหลือของปีนี้เป็นที่แน่นอน 100% แล้ว
• Our take: 10 Implications สําคัญจากผลการประชุม FOMC เมื่อคืนนี้
1) สําหรับในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯนั้น ประเมินว่าจะเป็นทางหุ้นกลุ่ม เทคโนโลยีฯ (Nasdaq) ที่เริ่มกลับมาปรับตัว Outperform หุ้นกลุ่ม วัฏจักร (Dow Jones) อีกครั้ง เนื่องจากมักเป็นกลุ่มที่ทนทานต่อภาวะ เศรษฐกิจชะลอตัวนอกจากนั้นยังอาจรวมถึงหุ้นขนาดกลางขนาดเล็ก (Russell 2000) ที่จะได้ประโยชน์ส่วนเพิ่มอย่างรวดเร็วจากการปรับตัว ลงของดอกเบี้ยในตลาด (High Degree of Financial Leverage)
2) สาหรับตลาดหุ้นไทย แนะนําหลีกเลี่ยงหุ้นกลุ่ม Global cyclicals ไปอีกระยะ เช่นกลุ่มน้ํามันและปิโตรเคมี แม้ Valuation ส่วนใหญ่ของ หุ้นกลุ่มนี้จะยังอยู่ตี๋ากว่าค่าเฉลี่ย จากความกังวลด้าน Global recession fear ที่น่าจะมีสูงขึ้นในช่วงถัดไป แนะนําาโฟกัสการลงทุนไป ที่กลุ่ม Domestic play ที่ยังคงมี Valuation ต่ากว่าค่าเฉลี่ยแทนต่อไป
3) ประเมินสภาพคล่องของไทยทีคงค้างอยู่ในบัญชี FCD ขณะนี้กว่า 7.7 แสนล้านบาทจะเริ่มมีการทยอยไหลย้อนหลับเข้าสู่ประเทศมากขึ้น ซึ่งบางส่วนน่าจะมีการไหลเข้าสู่ระบบตลาดทุนในประเทศได้ ถือเป็น ปัจจัยที่จะช่วยประคับประคองตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาสที่ 4 นี้
4) มองสภาพคล่องส่วนเกินที่เตรียมจะไหลเข้ามามากขึ้นในช่วงถัดไป เมื่อมาประกอบกับความเกี่ยวโยงกับเศรษฐกิจโลกที่อยู่ในระดับต่า และ Valuation ที่ยังคง Laggard หุ้นขนาดใหญ่อย่างมากในการ Rally ของหุ้นไทยรอบนี้ จะทําให้เรามีโอกาสเห็นหุ้นขนาดกลาง-เล็ก (SSET & MAI) กลับมา Outperform อีกครั้งในช่วงไตรมาสที่ 4 นี้
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities