- หุ้นเทคโนโลยีอาจเผชิญกับช่วงเวลาที่ผันผวน แต่โอกาสในการเติบโตในระยะยาวยังคงมีอยู่
- นักวิเคราะห์ยังคงมองในแง่ดี แม้ว่าจะเกิดความผันผวนในช่วงนี้ โดยเน้นที่หุ้นที่มีผลงานดี เช่น Dell, Sony และ Marvell
- ในบทความนี้ เราจะมาวิเคราะห์ว่าเหตุใดs6hoเทคโนโลยีเหล่านี้จึงอยู่ในตำแหน่งที่จะเติบโตได้ท่ามกลางความท้าทายของตลาด
- สมัครใช้งาน InvestingPro รู้ว่าหุ้นควรไหนควรซื้อ หุ้นตัวไหนควรขาย เพียงเดือนละสามร้อยบาท
หลังจากที่ราคาหุ้นพุ่งสูงขึ้นเมื่อต้นปีนี้ กลุ่มเทคโนโลยีก็กลับสะดุดลงเมื่อเดือนกันยายนเริ่มต้นขึ้น โดยหุ้นหลายตัวปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว
การย่อตัวลงนี้ทำให้ผู้ลงทุนบางส่วนระมัดระวัง แต่ยังสร้างโอกาสให้กับผู้ที่มองหามูลค่าในระยะยาวอีกด้วย
แม้ว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้จะเกิดความผันผวน แต่หุ้นหลายตัวในกลุ่มนี้ก็ยังคงแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่โดดเด่น นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มีความหวังอย่างล้นหลามต่อหุ้นเหล่านี้ โดยส่วนใหญ่ให้คำแนะนำซื้อ และไม่มีตัวใดเลยที่ระบุว่าขาย
ด้านล่างนี้ เราจะมาสำรวจหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำเหล่านี้ และวิเคราะห์ว่าเหตุใดหุ้นเหล่านี้จึงยังคงโดดเด่นแม้ในสภาพแวดล้อมทางการตลาดที่ท้าทาย
1. Dell Technologies
Dell Technologies Inc (NYSE:DELL) แสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่โดดเด่นในช่วงปีที่ผ่านมา โดยทำผลงานได้ดีกว่าดัชนี S&P 500 อย่างมาก โดยหุ้นนี้เพิ่มขึ้นประมาณ 39% ในปีนี้จนถึงขณะนี้ ซึ่งทำผลงานได้ดีกว่าดัชนี S&P 500 ที่เพิ่มขึ้น 15.2%
ความสำเร็จของ Dell นั้นได้รับการสนับสนุนจากความต้องการ AI ที่แข็งแกร่ง คำสั่งซื้อและการจัดส่งเซิร์ฟเวอร์เหล่านี้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และโมเมนตัมนี้ยังคงดำเนินต่อไปในไตรมาสที่สองของปีนี้
นอกจากนี้ เซิร์ฟเวอร์ AI ระบายความร้อนและโซลูชันระบบจัดเก็บข้อมูลและเครือข่ายที่แข็งแกร่งของ Dell ยังสร้างรากฐานที่มั่นคงสำหรับการเติบโตในระยะยาว ซึ่งหมายความว่าโมเมนตัมในธุรกิจมีแนวโน้มที่จะคงอยู่ต่อไปในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลประจำปีอยู่ที่ 1.75%
ที่มา: InvestingPro
บริษัทจะรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสในวันที่ 26 พฤศจิกายน Dell รายงาน รายได้สุทธิเพิ่มขึ้น 83% ในไตรมาสที่สองของปีงบประมาณ โดยอยู่ที่ 846 ล้านเหรียญสหรัฐ รายได้สุทธิยังแสดงให้เห็นถึงการเติบโต 9.1% อีกด้วย
ที่มา: InvestingPro
นอกเหนือจาก AI แล้ว Dell ยังได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของยอดขายพีซีอีกด้วย จากการเน้นที่พีซีเชิงพาณิชย์ รุ่นสำหรับผู้บริโภคระดับไฮเอนด์ และอุปกรณ์เล่นเกม ทำให้ Dell อยู่ในตำแหน่งที่ดีในการเสริมรายได้และเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้น
Dell (พร้อมกับ Palantir Technologies (NYSE:PLTR) และ Erie Indemnity) จะเข้าร่วม S&P 500 โดยแทนที่ American Airlines (NASDAQ:AAL), Etsy (NASDAQ:ETSY) และ Bio-Rad Laboratories Inc (NYSE:BIO) การเปลี่ยนแปลงจะมีผลก่อนเปิดตลาดในวันที่ 23 กันยายน
ที่มา: InvestingPro
ปัจจุบันมีการซื้อขายที่ส่วนลด 6.9% โดยราคาเป้าหมายตามปัจจัยพื้นฐานจะอยู่ที่ 114 ดอลลาร์
ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 149.70 ดอลลาร์
ที่มา: InvestingPro
2. Sony
Sony (NYSE:SONY) เป็นบริษัทข้ามชาติของญี่ปุ่นซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคชั้นนำของโลก ได้แก่ อุปกรณ์เสียงและวิดีโอ คอมพิวเตอร์ ภาพถ่าย วิดีโอเกม และโทรศัพท์มือถือ
อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ที่ 0.46%
ที่มา: InvestingPro
ในวันที่ 8 พฤศจิกายน เราจะทราบงบกำไรขาดทุนของบริษัท กำไรที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจนถึงปีงบประมาณ 2026 (ปีงบประมาณในญี่ปุ่นเริ่มในเดือนเมษายน) จะอยู่ที่ 14%
Sony ได้เปิดตัว PS5 Pro ซึ่งเป็นรุ่นปรับปรุงของ PS5 รุ่นปัจจุบัน ซึ่งอาจช่วยเพิ่มอัตรากำไรและเพิ่มกำไรได้ในระดับหนึ่ง แม้ว่าจะขึ้นอยู่กับโครงสร้างต้นทุนสินค้าที่ขายก็ตาม
หุ้นตัวนี้ได้รับ 22 เรตติ้ง โดย 20 เรตติ้งเป็น 'ซื้อ' 2 ให้ 'ถือ' และไม่มีคำแนะนำให้ 'ขาย' เลย
ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 115.48 ดอลลาร์
ที่มา: InvestingPro
3. Marvell Technology
Marvell Technology (NASDAQ:MRVL) พัฒนาและผลิตเซมิคอนดักเตอร์และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง ก่อตั้งในปี 1995
อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ที่ 0.36%
บริษัทจะประกาศผลประกอบการประจำไตรมาสในวันที่ 28 พฤศจิกายน โดยคาดว่ารายได้จะเติบโต 135% ในช่วงเวลาสามปี
ที่มา: InvestingPro
Marvell Technology เป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของศูนย์ข้อมูลทั่วโลก ซึ่งขับเคลื่อนโดยการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาใช้อย่างรวดเร็ว และอยู่ในตำแหน่งที่ไม่เหมือนใครที่จะได้รับประโยชน์จากความต้องการศูนย์ข้อมูลที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ที่เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ Marvell Technology ยังเป็นผู้นำตลาดอิเล็กโทรออปติกส์ด้วยส่วนแบ่งการตลาดกว่า 60% ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เนื่องจากคาดว่าภาคส่วนนี้จะเติบโตอย่างรวดเร็วถึง 150% ภายในปี 2024 และ 50% ภายในปี 2025
เบต้าของ Marvell Technology คือ 1.45 ซึ่งหมายความว่าหุ้นของบริษัทเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับตลาด แต่มีความผันผวนและการเคลื่อนไหวที่มากกว่า
ที่มา: InvestingPro
ราคาเป้าหมายนักวิเคราะห์อยู่ที่ 92.16 ดอลลาร์
ที่มา: InvestingPro
***
Disclaimer: บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมการซื้อสินทรัพย์แต่อย่างใด และไม่ถือเป็นการชักชวน เสนอ แนะนำ หรือเสนอแนะให้ลงทุนแต่อย่างใด ขอเตือนคุณว่าสินทรัพย์ทั้งหมดนั้นได้รับการประเมินจากหลายมุมมองและมีความเสี่ยงสูง ดังนั้นการตัดสินใจลงทุนใด ๆ และความเสี่ยงที่เกิดขึ้นถือเป็นความเสี่ยงของผู้ลงทุน นอกจากนี้ เราไม่ได้ให้บริการที่ปรึกษาการลงทุนใด ๆ เราจะไม่ติดต่อคุณเพื่อเสนอบริการการลงทุนหรือที่ปรึกษาโดยเด็ดขาด