💎 เปิดเผยหุ้นราคาถูกที่ซ่อนอยู่ในตลาดเริ่มต้นเลย

ราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบ sideways ตามที่เราประเมินไว้ในสัปดาห์ก่อนหน้า

เผยแพร่ 10/09/2567 09:13
GC
-

Economic Highlight

ควรรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ รวมถึงรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญรายเดือนของจีน พร้อมจับตาผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB)  

**ราคาทองคำ = Spot Gold price (XAUUSD

FX Highlight

  • สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทแข็งค่าขึ้นมากกว่าที่คาด ตามจังหวะการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์จากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาแย่กว่าคาด โฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำและแรงซื้อสินทรัพย์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติ
  • เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทมีโอกาสทยอยอ่อนค่าลง (เราจะมั่นใจมากขึ้น หากเงินบาทสามารถอ่อนค่าเหนือระดับ 34.00 บาทต่อดอลลาร์ ได้ชัดเจน) แต่เงินบาทก็อาจแข็งค่าขึ้นบ้าง หากผู้เล่นในตลาดยังคงเชื่อมั่นว่าเฟดจะเร่งลดดอกเบี้ย 
  • ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์อาจรีบาวด์แข็งค่าขึ้นบ้าง หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่ได้ออกมาแย่กว่าคาดชัดเจน หรืออัตราเงินเฟ้อไม่ได้ชะลอตัวลงหนัก 
  • นอกจากนี้ เงินดอลลาร์อาจพอได้แรงหนุนจากบรรยากาศปิดรับความเสี่ยงของตลาดและโอกาสที่เงินยูโร (EUR) อาจอ่อนค่าลง หาก ECB ส่งสัญญาณพร้อมลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง
  • เรามองว่า ควรจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจจีนอย่างใกล้ชิด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน รวมถึงทิศทางเงินหยวนจีน (CNY) และบรรดาสกุลเงินฝั่งเอเชีย ที่อ่อนไหวกับภาพเศรษฐกิจจีน อย่าง เงินบาทได้
  • นอกเหนือจากปัจจัยข้างต้น เรามองว่า ควรติดตามทิศทางฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ ซึ่งอาจเริ่มทยอยขายทำกำไรสินทรัพย์ไทย รวมถึงจับตาการเคลื่อนไหวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะราคาทองคำ
  • สัญญาณจาก RSI MACD และ Stochastic ใน Time Frame รายวัน สำหรับ USDTHB สะท้อนว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทนั้นยังคงอยู่ แม้จะชะลอลงบ้าง จากการกลับมาแข็งค่าเร็วและแรงของเงินบาทตั้งแต่ช่วงวันพุธที่ผ่านมา นอกจากนี้ สัญญาณ RSI Bullish Divergence ยังคงอยู่ พร้อมทั้งโอกาสเกิด Hammer Reversal Pattern ทำให้เรายังคงมุมมองเดิมว่า การแข็งค่าของเงินบาทในช่วงที่ผ่านมานั้น ควรจะชะลอลง และเงินบาทยังมีโอกาสทยอยอ่อนค่าลงได้บ้าง ทั้งนี้ เราจะมั่นใจได้ว่า เงินบาทจะกลับมาอ่อนค่าลงต่อเนื่องได้ หากเงินบาทสามารถอ่อนค่าลงเหนือระดับ 34.10 บาทต่อดอลลาร์ ได้ชัดเจน  
  • ส่วนสัญญาณจาก Time Frame H1 สะท้อนว่า เงินบาทมีแนวโน้มทยอยอ่อนค่าลงได้ จาก RSI Bullish Divergence รวมถึงสัญญาณจาก Stochastic และ MACD ในขณะที่ Time Frame H4 สัญญาณจาก RSI และ Stochastic สะท้อนว่า เงินบาทเริ่มมีโอกาสอ่อนค่าลง ทว่า MACD ยังไม่ได้สะท้อนภาพดังกล่าวที่ชัดเจน
  • โดยรวมเงินบาทยังมีแนวต้านแรกแถว 33.80 บาทต่อดอลลาร์ และมีโซนแนวต้านถัดไปในช่วง 34.00 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนโซนแนวรับนั้น โซน 33.40-33.50 บาทต่อดอลลาร์ จะเป็นแนวรับสำคัญ แต่หากเงินบาทยังแข็งค่าต่อได้ ก็อาจแข็งค่าทดสอบโซน 33.20 บาทต่อดอลลาร์  

Gold Highlight

  • ราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบ sideways ตามที่เราประเมินไว้ในสัปดาห์ก่อนหน้า โดยราคาทองคำเคลื่อนไหวผันผวนพอสมควร หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังไม่สามารถทำให้ผู้เล่นในตลาดมั่นใจได้ว่า เฟดจะสามารถเร่งลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายนได้
  • นอกจากนี้ สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางก็ดูไม่ได้ทวีความรุนแรงมากนัก ทำให้ราคาทองคำก็ขาดปัจจัยสนับสนุนในช่วงนี้
  • เรายังคงประเมินว่า ราคาทองคำก็เสี่ยงเคลื่อนไหวผันผวนได้ทั้งสองทิศทาง (Two-Way Volatility) ซึ่งต้องรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ว่าจะส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดปรับมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดอย่างไร
  • ทั้งนี้ ปัจจุบัน ผู้เล่นในตลาดได้คาดหวังแนวโน้มการเร่งลดดอกเบี้ยของเฟดไปพอสมควรแล้ว ทำให้เรามองว่า Upside ของราคาทองคำจากประเด็นแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดอาจมีอยู่อย่างจำกัด และอาจต้องรอจับตาท่าทีของบรรดาธนาคารกลางอื่นๆ ว่าจะส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยต่อเนื่องลงหรือไม่
  • และนอกเหนือจากประเด็นแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของบรรดาธนาคารกลางหลัก เรามองว่า ราคาทองคำต้องการปัจจัยหนุนเพิ่มเติม ถึงจะปรับตัวขึ้นต่อเนื่องทะลุโซนแนวต้านได้ โดยเฉพาะปัจจัยความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์จากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางและสงครามรัสเซีย-ยูเครน
  • ในเชิงเทคนิคัล สัญญาณจาก RSI Stochastic และ MACD Time Frame รายวัน ชี้ว่า ราคาทองคำยังคงมีความเสี่ยงที่จะทยอยปรับตัวลดลง 
  • ส่วนในภาพTime Frame H4 และ H1 สัญญาณจากทั้ง RSI Stochastic และ MACD สะท้อนว่า ราคาทองคำเริ่มเจอโซนแนวรับแถวโซน 2,480 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และอาจเริ่มทรงตัวในกรอบ sideways หรือการปรับตัวลดลงอาจมีอยู่อาจจำกัด
  • โดยรวม เรายังคงมองว่า ราคาทองคำจะแกว่งตัวในกรอบ sideways เพื่อรอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยราคาทองคำยังมีโซนแนวต้านแถวจุดสูงสุดของปีนี้ หรือโซน 2,530 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และมีโซนแนวรับแถว 2,480 ดอลลาร์ต่อออนซ์ 

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย