Refinery / BBL / TU & ITC
• SET: คาด SET Index แกว่งทรงตัวด้วยวอลุ่มการซื้อขายที่เบาบางต่อไป โดยมีสัญญาณที่ยังดีอยู่ได้แก่เงินบาทที่ทรงตัวแข็งค่าในระยะสั้น และยอด Short selling ที่มีสัดส่วนเพียง 4% กว่าของวอลุ่มโดยรวม สําหรับปัจจัย วันนี้ แนะน่าติดตามรายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือนมิ.ย.ของไทย รวมถึง รายงานตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯเดือนมิ.ย. ซึ่งหากปัจจัยหลังออกมา แตกต่างจากตลาดคาดการณ์มาก อาจส่งผลต่อความผันผวนของ Fed Funds futures, Bond yield, และเงินดอลลาร์สหรัฐฯได้
• Refinery: เราออกบทวิเคราะห์กลุ่มโรงกลั่น ประเมินว่าปรากฏการณ์ La Nina ที่กําลังจะรุนแรงขึ้นในช่วงถัดไป จะส่งผลให้สภาพอากาศในช่วงฤดู หนาวของกลุ่มประเทศยุโรป ที่อยู่ในเขตขั้วโลกเหนือมีความหนาวเย็นลง 1-3 องศาเซลเซียส ซึ่งจะนําไปสู่ความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น โดย ความต้องการก๊าซและน้ํามันดีเซลน่าจะเพิ่มขึ้นในช่วง 2H24 ทั้งนี้ หากย้อน ดูอดีตจะพบว่าในช่วงที่เกิด La Nina นั้น Diesel Crack Spread มักจะมี ความแข็งแกร่งมากกว่าช่วงอื่นๆ ด้วยเหตุนี้เราประเมินว่ามีความเป็นไปได้ สูงที่ค่าการกลั่นนั้นจะผ่านจุดต่ําสุดในเดือน เม.ย. ไปแล้ว และจะปรับตัว อย่างโดดเด่นในช่วงเดือน ส.ค. เป็นต้นไป แนะนํานักลงทุนมองข้ามผ่าน ความอ่อนแอของงบฯไตรมาส 2 ที่กําลังจะออกมา ซึ่งเป็นสิ่งที่ตลาด รับรู้ไปพอสมควรแล้ว และหาจังหวะ Buy on weakness ในช่วง ถัดไป โดยมีราคาเป้าหมายของ BCP, SPRC, TOP อยู่ที่ 46, 10.2, 55 Imply upside potential จากราคาปัจจุบันที่ 20%, 22%, 0% ตามล่าดับ
• BBL: คงคําแนะนํา “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 185 บาท และคงแนะนํา เป็น 1 ใน Top pick ประจําการลงทุนไตรมาส 3/67 แม้แนวโน้มผล การดาเนินงานไตรมาส 2 อาจออกมาไม่น่าตื่นเต้น โดยเราคาดกําไรที่ 10,267 ล้านบาท (-2% QoQ, -9% YoY) แต่เชื่อว่าเป็นสิ่งที่ตลาดรับรู้ไป แล้ว ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายเพียง PBV 0.46x หรือคิดเป็นระดับ -1SD เท่านั้น ซึ่งหากเทียบกับระดับ ROE ที่ยืนแถว 8% ได้แล้ว (รูปที่ 1) เรามอง ว่า PBV ค่อนข้าง Laggard และอยู่ในระดับที่น่าสนใจเข้าลงทุน
• ITC: คงคําแนะนํา “ซื้อเก็งกําไร” พร้อมปรับเพิ่มราคาเป้าหมายขึ้น เป็น 27.00 บาทจากเดิม 23.50 บาท จากการปรับเพิ่มคาดการณ์กําไรปี 2567-2568 ขึ้นจากเดิม 15% และ 18% มาอยู่ที่ 3.4 และ 3.5 พันล้าน บาท ตามล่าดับ โดยที่อิงกับ PE เฉลี่ย 24x ตามเดิม ปัจจัยบวกมาจากการ ปรับเพิ่ม Gross Margin ขึ้นจาก 20% เป็น 23% หลังจากสัดส่วนการขาย สินค้ากลุ่ม Premium ปรับสูงขึ้น ทั้งนี้ ประเมินก่าไรไตรมาส 2 ที่ 867 ล้าน บาท (+ 5.7% QoQ, +95% YoY) ส่วนโมเมนตัมไตรมาส 3 จะดีต่อ (+QoQ และ +YoY) จากการเข้าสู่ช่วง High season ที่มีการตุนสินค้าก่อน เข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities