ตั้งแต่มีประเด็นเรื่องการเมืองเข้ามารบกวน (เริ่มจากศาลรัฐธรรมนูญรับคำ ร้อง กรณี นายกฯเศรษฐา) นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิในตลาดหุ้น บ้านเราต่อเนื่อง 9 วันทำการ มูลค่ารวม 1.9 หมื่นล้านบาท กดดัน SET INDEX ลง 42 จุด ทั้งนี้ทาง TECHNICAL ชี้ว่ากำลังทดสอบแนวรับสำคัญ ที่ 1330 จุด หากหลุดก็จะทำให้แนวโน้มเปลี่ยนไปในทางแย่ลง อย่างไรก็ตาม ในทางปัจจัยพื้นฐานประเมินจาก VALUATION แล้ว ยังเห็นว่าบริเวณ 1330 –1350 จุด เป็นระดับที่เหมาะสำหรับการสะสมหุ้นลงทุนระยะยาว โดย ตัวเลือกการลงทุนให้น้ำหนักไปที่หุ้น MARKET CAP ใหญ่ ที่มี ปัจจัยพื้นฐานแข็งแรง เนื่องจากหุ้นในกลุ่มนี้ถูกลดน้ำหนัก จากนักลงทุน ต่างชาติ รวมถึง ถูกขายผ่าน SHORT SELL ทำให้VALUATION ถูก และ หาก LTF ผ่านออกมาก็น่าจะเห็นแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มนี้
SET INDEX อยู่ในช่วงของการทดสอบแนวรับสำคัญบริเวณ 1330 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1350 จุด กลยุทธ์การลงทุนเน้นสะสมหุ้น MARKET CAP ใหญ่ หุ้น TOP PICK เลือก BCH, CPN และTU
เห็นความต่อเนื่องของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย
แนวโน้มที่จะเห็น GDP GROWTH บ้านเราเติบโตแบบขั้นบันไดมีความหวังมากขึ้น หลังรัฐบาลยังคงเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยการประชุม ครม. ล่าสุด มีมติเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจระยะสั้น อาท
• มาตรการภาษีกระตุ้นเที่ยวเมืองรอง LOW SEASON ตั้งแต่พ.ค.– พ.ย. 67 โดยในกรณีที่จัดสัมมนาหักลดหย่อนรายจ่าย 2 เท่า ส่วนบุคคลธรรมดา ลดหย่อนภาษี ค่าไกด์-ที่พัก-โฮมสเตย์ได้ไม่เกิน 15,000 บาท
• อนุมัติฯ กลางปี 2567 เพิ่มเติม 1.22 แสนลบ. ใช้แจกดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งตาม กรอบเวลาการใช้งบฯ กฎหมายได้กำหนดไว้ว่าต้องเกินวันที่ 30 ก.ย. 67 ดังนั้นอาจเห็นเม็ดเงินไหลเข้าระบบเร็วขึ้นในช่วง 3Q67 ขณะที่โฆษกรัฐบาล เผยกลุ่มเปราะบาง 14.98 ล้านคน มีโอกาสได้รับเงินก่อนกลุ่มอื่น
นอกจากนี้ยังมีการหนุนเศรษฐกิจระยะยาว ผ่านมาตรการต่างๆ ดังนี้
• เร่งเปิด ENTERTAINMENT COMPLEX – กาสิโน ในไทย หวังโกยรายได้เข้า ประเทศ โดยมอบหมายให้กระทรวงการคลัง เป็นผู้ยกร่าง พ.ร.บ.สถาน บันเทิงครบวงจร พร้อมออกกฎหมายลำดับรอง
• ผลักดันแผนงานโครงการแลนด์บริดจ์ โดยที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมได้โรด โชว์ต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว เช่น US EU จีน ญี่ปุ่น ตะวันออกกลาง
• เก็บภาษี VAT 7% สินค้านำเข้าที่มีมูลค่าไม่เกิน 1,500 บาท โดยมอบหมาย ให้กระทรวงการคลังออกประกาศโดยเร็วมีผล 15 วัน ถึง 31 ธ.ค.นี้
สรุป รัฐบาลยังคงเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งระยะสั้น และระยะยาว ทำให้แนวโน้มที่จะเห็น GDP GROWTH บ้านเราเติบโตแบบขั้นบันไดมี ความหวังมากขึ้น
TIMELINE การเมืองที่น่ากังวล กดดัน FLOW ต่างชาติไหล ออก 2 หมื่นล้านบาท
TIMELINE ประเด็นทางการเมืองไทยในเดือนนี้ที่น่าติดตาม เริ่มจากวันที่ 7 มิ.ย.67 ศาล รธน. นัดนายกฯส่งคำชี้แจงแก้ไขข้อกล่าวหาในการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน อดีต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรี, วันที่ 9 มิ.ย.67 พรรคก้าวไกล เตรียมเปิดคำชี้แจงคดีล้มล้างการปกครอง เพื่อสู้คดีต่อการยุบพรรค และสุดท้าย วันที่ 18 มิ.ย.67 อัยการสูงสุดสั่งฟ้องนายทักษิณฯคดีม.112 นัดส่งฟ้องศาล ดังรูป ด้านล่าง ด้วย TIMELINE ดังกล่าว ทำให้เกิดความไม่มั่นใจในเสถียรภาพทาง การเมือง และเกิดความกังวลต่อการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไป อีกระยะ จนกว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงปลายเดือน มิ.ย.67
ประเด็นดังกล่าว ทำให้ SET INDEX ที่ก่อนหน้านี้ดูสดใส จากกำไรบริษัทจดทะเบียน งวด 1Q67 ที่ดีกว่าคาดเกือบ 20% หมดเสน่ห์ โดย FUND FLOW ต่างชาติไหลออก จาก SET INDEX ตั้งแต่ประเด็นการเมืองร้อนแรงขึ้นมากว่า 9 วันติดต่อกัน คิดเป็น มูลค่ารวมเกือบ 2 หมื่นล้านบาท กดดัน SET INDEX ปรับตัวลง 42 จุด หรือ 3.05% อย่างไรก็ตามในมุม VALUATION ที่ SET INDEX บริเวณต่ำกว่า 1350 จุด ยังถือว่า ถูก โดยมี P/E เพียง 14 เท่ากว่าๆ เท่านั้น ต่ำกว่า P/E ตลาดหุ้นโลกที่ 18 เท่า หาก ประเด็นการเมืองผ่อนคลายลง อาจจะเป็นจังหวะในการหาหุ้นเข้าสะสมเพื่อหวังผลใน ระยะกลางถึงยาวได
สรุป TIMELINE การเมืองที่น่ากังวลในเดือนนี้ กดดัน FLOW ต่างชาติไหลออกหุ้น ไทย 9 วันติดต่อกัน รวมมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท และส่งผลให้ SET ปรับตัวลงแรง 42 จุด อย่างไรก็ตามหากประเด็นการเมืองผ่อนคลายลง อาจจะเป็นจังหวะในการหา หุ้นเข้าสะสมเพื่อหวังผลในระยะกลางถึงยาวได้ เนื่องจาก VALUATION SET INDEX ถูกกว่าตลาดหุ้นโลก
เห็นสัญญาณวัฏจักรดอกเบี้ยขาลงกำลังมา หวังบาทแข็ง ซับ แรงกดดัน FUND FLOW ไหลออก
เห็นสัญญาณวัฏจักรดอกเบี้ยขาลงกำลังมาโดยทาง BLOOMBERG คาดว่า ECB มี โอกาสเริ่มลดดอกเบี้ยในวันที่ 6 มิ.ย. 67 นี้ จาก 4.5% เหลือ 4.25% และลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ เหลือ 4% ตอนสิ้นปี เช่นเดียวกับ FED ที่มีโอกาสปรับลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง ในปีนี้ คาดเกิดขึ้นในเดือน ก.ย. 67 เหลือ 5.25% และ ธ.ค. 67เหลือ 5%
ทำให้เห็นนักลงทุนเข้าลงทุนตราสารหนี้เพิ่ม กดดันให้ BOND YIELD 10 ปี ใน 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาลดลงมาเร็วโดย BOND YIELD 10 ปีสหรัฐ ลดลงมาถึง 28.6 BPS. เหลือ 4.32%เช่นเดียวกับฝั่งยุโรป อย่าง BOND YIELD 10 ปี เยอรมนี ลดลงมา 15.8 BPS. เหลือ 2.53% แต่ BOND YILED 10 ปี ไทย ยังทรงตัวที่ 2.79%
ประเด็นดังกล่าวน่าจะกดดันให้ค่าเงินดอลลาร์และยูโรอ่อนค่าได้ แต่ในทางกลับกัน ค่าเงินบาทมีโอกาสชะลอการอ่อนค่าหรือพลิกกลับมาแข็งค่าบ้าง หนุนให้ FUND FLOW ที่ขายหุ้นไทยมีโอกาสชะลอการขายลง
รวมถึงหุ้นพื้นฐานที่ถูก SHORT SELL จากต่างชาติ (ผ่าน NVDR) เยอะๆ เกิน 15% ของมูลค่าซื้อขายในช่วง 9 วันทำการที่ผ่านมา มีโอกาสถูก COVER SHORT กลับมา บ้างได้ อาทิ AWC ถูก SHORT SELL 721 ล้านบาทในช่วงเวลาดังกล่าว (คิดเป็น สัดส่วน 26.7% ของมูลค่าซื้อขายรวม) ตามมาด้วย IVL, IRPC, GPSC, KTC, OR, SCC, BEM, TIDLOR, MINT, DELTA
ฝ่ายวิจัยฯ คาดหวังหุ้นดังกล่าวน่าสะสม และมีโอกาสฟื้นกลับเร็ว หากมีความคืบหน้า เรื่องการใช้กฏ UPTICK RULE จากตลาดฯ และกองทุน LTF ใหม่จาก กระทรวงการคลังเข้ามาหนุน แนะนำทยอยสะสมหุ้นพื้นญฐานดี มีโอกาสได้แรงหนุน จากการ COVER SHORT สูง อย่าง SCC, BEM, TIDLOR, IVL, GPSC, OR
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities