GDP งวด 1Q67 ของบ้านเราออกมาดีกว่าคาดโดยโต 1.1% QOQ และ 1.5% YOY เป็นการส่งสัญญาณที่สำคัญ 2 ประการคือ 1) เราหลุดพ้น ความเสี่ยงที่จะเกิด TECHNICAL RECESSION อย่างน้อยก็ในปี 2567 และ 2) เห็นภาพ BOTTOM OUTของเศรษฐกิจ พร้อมถูกคาดหมายว่าจะเติบโต แบบขั้นบันไดในช่วงเวลาที่เหลือของปี แม้จะมีการปรับลดคาดการณ์ GDP GROWTH ปี 2567 มาอยู่ที่บริเวณ 2.5% อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือ การที่ ครม.วันนี้จะพิจารณาเรื่องการจัดทำงบประมาณกลางปี 2567 โดย เสนอวงเงินงบประมาณเพิ่ม 1.22 แสนล้านบาท โดยส่วนใหญ่จะถูกใช้ รองรับ DIGITAL WALLET หากดำเนินการตามกระแสข่าวจริง ก็จะน่าจะ ส่งผลทำให้ภาระหนี้สาธารณะของบ้านเราสูงขึ้น ซึ่งต้องไปรอลุ้นว่าผลบวก จากการก่อหนี้ต่อเศรษฐกิจ จะกลับเข้ามาเมื่อใด
ประเมินว่า SET INDEX และ เศรษฐกิจไทย อยู่ในภาวะของการที่กำลังเดิน ขึ้นบันได ซึ่งเป็นการขึ้นอย่างช้าๆ สลับการพัก วันนี้คาดกรอบ 1374-1390 จุด หุ้น TOP PICK เลือก GULF, MAJOR และ PTTEP
GDP 1Q67 ไทย +1.5%YOY โตเกินคาด คาดโตเป็นขันบันได นับจากน
วานนี้มีรายงานตัวเลข GDP ไทยงวด 1Q67 ออกมา +1.5%YOY (สูงกว่าตลาดคาด ที่ 0.8%YOY) และ +1.1%QOQ (สูงกว่าตลาดคาดที่ 0.6%QOQ) โดยมีแรงหนุน หลักๆ มาจากภาคการบริโภค (+6.9%YOY), การลงทุนเอกชน (+4.6%YOY), การ ส่งออกบริการ (+24.8%YOY) ขณะที่ปัจจัยกดดันภาพรวมเศรษฐกิจไทย มาจากการ ลงทุนภาครัฐ (-27.7%YOY), กาใช้จ่ายภาครัฐ (-2.1%YOY) และการส่งออกสินค้า (- 2.0%YOY) เป็นต้น
ขณะที่ระยะถัดไป คาดหวังให้เศรษฐกิจไทยเติบโตแบบขั้นบันได โดย BLOOMBERG คาดการณ์ GDP GROWTH ใน 2Q67 +2.0%YOY, 3Q67 +2.8%YOY, 4Q67 +3.9%YOY โดยคาดว่าจะมีแรงหนุนจากการเบิกจ่ายการลงทุนของภาครัฐ (G) ที่ เหลืออีก 86% ของงบฯ ปี 2567, DIGITAL WALLETในช่วง 4Q67, การขึ้นค่าแรงขั้น ต่ำ 400 บาท, ภาคท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว (C), การลงทุนภาคเอกชนที่เติบโตโดดเด่นเมื่อ เทียบกับปีก่อน (I) โดยตลอดปี 2567 BLOOMBERG คาดการณ์ GDP GROWTH อยู่ที่ +2.8%YOY
อย่างไรก็ตามมีปัจจัยกดดันเล็กน้อย หลังวานนี้ สศช. ปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2567 ลงเหลือ 2.0 –3.0% (เดิม 2.2 –3.2%) โดยคาดว่า GDP จะปรับตัวดีขึ้นอย่าง ช้าๆ จากการขยายตัว +1.9%YOY ในปี 2566 เหตุกังวลผลกระทบภาคการผลิต อุตสาหกรรมชะลอตัว บวกกับความเสี่ยงภาคส่งออกฟื้นตัวช้า พร้อมคาด “ดิจิทัล วอลเล็ต” จะหนุน GDP ปีนี้โตเพิ่ม 0.25% โดยคาดการใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงคงไม่ได้ ออกมาทั้ง 5 แสนล้านบาทในคราวเดียว แต่เป็นการทยอยใช้ (คาด 4Q67 มีเม็ดเงินเข้า ระบบ 2 แสนล้านบาท)
สรุป GDP 1Q67 ไทย +1.5%YOY โตเกินคาด ลุ้นโตเป็นขันบันไดนับจากนี้ ซึ่งคาด มาจากการเบิกจ่ายการลงทุนของภาครัฐ (G) ภาคท่องเที่ยวฟื้นตัวและการบริโภคใน ประเทศ (C) การลงทุนภาคเอกชนที่เติบโตโดดเด่น YOY (I) แนะนำหุ้นในกลุ่ม ค้าปลีก วัสดุก่อสร้าง นิคม และท่องเที่ยว อาทิ BJC CPALL (BK:CPALL) CPAXT, SCC SCCC CK STEC, WHA AMATA, ERW CENTEL MINT
แจกเงินดิจิทัลอาจเพิ่มยอดหนี้ แต่หวัง GDP จะโตขึ้นตาม
เช้านี้สำนักงบประมาณเตรียมเสนอให้ที่ประชุมครม. พิจารณาในการจัดทำ พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบฯ 2567 วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท โดยจะตั้ง ไว้ในงบกลาง รายการค่าใช้จ่าย เพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของ ระบบเศรษฐกิจ ผ่านการทำโครงการ DIGITAL WALLET เติมเงิน 10,000 บาท ขณะที่กรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายปี 2567 จะเพิ่มขึ้นเป็น 3.6 ล้านล้านบาท
สำหรับขึ้นตอนภายหลังจากที่ ครม. เห็นชอบร่าง พ.ร.บ. งบประมาณเพิ่มเติมแล้ว จะต้องส่งเรื่องให้กับรัฐสภาเพื่อพิจารณาในลำดับถัดไป ซึ่งหากรัฐสภาเห็นชอบก็จะ สามารถเดินหน้าต่อไปได้ แต่ไม่เห็นชอบร่างกฎหมายนี้ก็ตกไป
ทั้งนี้การตั้งงบฯ ที่ขาดดุลเพิ่มขึ้น อาจหนุนให้ภาระหนี้สาธารณะปรับตัวสูงขึ้น โดย ล่าสุดหนี้สาธารณะบ้านเราอยู่ที่ 11.47 ล้านล้านบาท ส่วนประมาณการ GDP อยู่ที่ 18.11 ล้านล้านบาท หรือมีสัดส่วนหนี้ฯ/GDP 63.37% อย่างไรก็ตาม สศช.คาดว่า โครงการ DIGITAL WALLET จะช่วงดัน GDP ไทยใน 4Q67 เติบโตได้ราว 0.25%หรือ มีเม็ดเงินเข้ามาในระบบราว 2 แสนล้านบาท ซึ่งนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจไทยภาครัฐ เชื่อว่าจะเป็นแรงหนุนให้ GDP ไทยขยายตัวตามไปด้วย ซึ่งน่าจะช่วยลดสัดส่วนหนี้ สาธารณะต่อ GDP ให้อยู่ในเกณฑ์ของกรอบวินับการคลังอยู่
สรุป การตั้งงบประมาณปี 67 ที่ขาดดุลเพิ่มขึ้น อาจหนุนให้ภาระหนี้สาธารณะ ปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เชื่อว่าจะเป็นแรง หนุนให้ GDP ไทยขยายตัวตามไปด้วย ซึ่งน่าจะช่วยลดสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ให้อยู่ในเกณฑ์ของกรอบวินับการคลังอยู่
FUND FLOW สนับสนุน แต่ยังเผชิญความเสี่ยงการเมือง
ประเด็นการเมืองที่กลับมาร้อนแรง โดยนักลงทุนรอดูความชัดเจนว่า ศาล รัฐธรรมนูญจะรับคำร้อง และวินิจฉัยคุณสมบัติ นายกฯ และรัฐมนตรีสำนักนายกฯ ไป ในทิศทางไหนในวันที่ 23 พ.ค. 67 นี้ซึ่งมีทางออกได้ 4 แนวทาง
▪ ไม่รับคำร้อง
▪ ศาลรับคำร้องไว้วินิจฉัยทั้ง นายกรัฐมนตรี และ คุณพิชิต
▪ ศาลรับคำร้องไว้วินิจฉัยทั้ง นายกรัฐมนตรี และ คุณพิชิต โดยระหว่างไต่สวน
หากคุณพิชิตลาออก ศาลอาจงดวินิจฉัย
▪ ศาลรับคำร้องไว้วินิจฉัยเฉพาะ คุณพิชิต
หากเทียบกับกรณีอดีตนายกฯ ประยุทธ์ เคยหยุดปฎิบัติหน้าที่ชั่วคราว เรื่องนากยก ฯ 8 ปี วันที่ 22 ส.ค. 65 และกลับมาปฎิบัติหน้าที่ได้ตามปกติวันที่ 30 ก.ย. 65 ส่วน วันที่หยุดปฎิบัติหน้าที่ชัวคราว SET INDEX ผันผวน โดยปิดลบเล็กน้อยที่ -0.12% และ 3 วันถัดมา +0.67%
แม้ SET INDEX มีโอกาสผันผวนจากการรอความชัดเจนทางการเมืองบ้าง แต่ในช่วง 6 วันทำการที่ผ่านมา SET INDEX มีแรงสนับสนุนจากต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทยมา 5 ใน 6 วัน กว่า 5.3 พันล้านบาท และหากคำนวณต้นทุนต่างชาติที่ซื้อสะสมอยู่ที่ 1380 จุด น่าจะช่วยพยุงและลดความผันผวนจากประเด็นดังกล่าวได้ระดับหนึ่ง
ส่วนวันนนี้ประเมิน SET INDEX วันนี้แกว่งตัวในกรอบ 1374 –1390 จุด
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities