Trade data recap / TISCO
SET: SET Index ปรับตัวรีบาวด์วานนี้น่าโดยกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับขึ้นจาก นอกจากนั้นยังได้แรงหนุนจากความคาดหวังการเบิกจ่ายภาครัฐในช่วง ถัดไป ภายหลังจากวุฒิสภามีมติผ่านร่างกฎหมายงบประมาณปี 2567 ปูทาง ไปสู่การพิจารณาของครม.และการน่าขึ้นทูลเกล้าเพื่อออกกฎหมายดังกล่าว ในช่วงถัดไป ส่วน Fund flow มีสัญญาณดีขึ้นจากวันก่อน สําหรับปัจจัยด้าน Sentiment ที่น่าสนใจได้แก่การที่ตลท.ประกาศเตรียมเปิดเผยข้อมูลการ ขายชอร์ตที่ยังไม่ได้ชื่อคืน (Outstanding short positions) เป็นราย หลักทรัพย์ นับตั้งแต่วันที่ 9 เมษายนนี้เป็นต้นไป คาดประเด็นดังกล่าวมี โอกาสลดแรงจูงใจการทําธุรกรรม Short selling ในตลาดลงไปได้บ้าง
• Trade data: ไฮไลท์จากตัวเลขส่งออก-น่าเข้าของไทยเดือนก.พ. ที่รายงาน ออกมาเมื่อวานนี้ มีดังนี้
1) ยอดการส่งออกไทย ในเดือนก.พ. ถือว่ามีสัญญาณไม่ดีนัก โดยขยายตัวได้เพียง 3.60% แม้จะมีผลของฐานต่าในปีก่อน โดยตัวเลขดังกล่าวถือว่าต่ากว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัว 4.2% และที่สําคัญ หากหักยอดการส่งออกทองค่าออกไปแล้วจะพบว่าขยายตัว ได้เพียง 1.2% เท่านั้น ทั้งนี้ การส่งออกไปจีนกลับมาหดตัวอีกครั้งที่ระดับ 5.7% แต่การส่งออกไปยังสหรัฐฯยังคงขยายตัวได้ดีที 15.5%
2) การนําเข้าขยายตัว 3.2% ทั้งนี้ หากหักทองค่าและนํามันดิบออกไป จะพบว่าขยายตัวได้สูงถึง 6.6% มากกว่าที่ตลาดคาดไว้พอสมควร โดยหากดูในรายละเอียด จะพบว่าเป็นการขยายตัวได้ดีในทุกหมวด โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าทุนและสินค้าอุปโภคบริโภค สะท้อนถึงภาคอุปสงค์ ในประเทศที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี
3) สําหรับสินค้าที่มียอดการส่งออกเดือนก.พ.ขยายตัวดี YoY และ MoM พร้อมหุ่นที่คาดว่าตลาดอาจมีการเก็งก่าไรในระยะสั้น ได้แก่
I) ยางแท่ง/ถุงมือยาง (STA, NER, TEGH, STGT)
II) อาหารสัตว์เลี้ยง (AAI, ITC)
III) ทูน่ากระป๋อง (TU)
IV) ผลไม้กระป๋อง / น้ําผลไม้ (MALEE, TIPCO, COCOCO, PLUS)
ในกลุ่มนี้มีหุ้นที่เรายังคงแนะนํา “ซื้อ” ในเชิงพื้นฐานได้แก่ TEGH, ITC, TU
TISCO: เราคาดกําไร 1Q67 ที่ 1,746 ล้านบาท อ่อนตัว 2%QoQ และ 3%YoY โดยหลักเป็นผลจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่คาดว่าจะอ่อนตัว 1%QoQ แม้คาดว่าสินเชื่อจะค่อนข้างทรงตัว QoQ แต่ NIM อาจอ่อนตัวราว 14 bps ด้านค่าจ่ายสารองุหนี้คาดเพิ่มขึ้น 9% QoQ โดยหลักเป็นการเพิ่มขึ้น ตามโครงสร้างที่เน้นสินเชื่อในกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนสูงมากขึ้น เราคาดค่าไรปี 2567 จะทรงตัวอยู่ที่ราว 7.3 พันล้านบาท ด้านระดับ Credit Cost คาดปรับตัว เพิ่มขึ้น โดยมีแรงกดดันจากปัจจัยมหภาค และการขยายสินเชื่อในกลุ่ม High Yield เราให้ราคาเป้าหมายที่ 107 บาท อิง PBV 1.9× แนะนํา “ชื่อ” แม้ ในแง่ Upside จากราคาหุ้นอาจไม่สูงนัก แต่ Dividend Yield ต่อปียังค่อนข้าง สูงราว 8% ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยช่วยป้องกัน Downside ของหุ้น ณ เวลานี้ได้ไป จนถึงช่วงก่อนการขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 24 เม.ย.
โซนต่า
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities