🏃 คว้าข้อเสนอ Black Friday ก่อนใคร รับส่วนลดสูงสุด 55% สำหรับ InvestingPro ตอนนี้!รับส่วนลด

แรงขับเคลื่อน เบาลง ... เบาลง ... เบาลง

เผยแพร่ 20/03/2567 10:04
SETI
-

ดูเหมือนว่าแรงขับเคลื่อน SET INDEX จะเบาลงในหลายมติ เริ่มจากมูลค่าการซื้อ ขายที่ลดลง โดยวานนี้หากหักรายการ BIG LOT ออกไป จะเหลือเพียง 3.61 หมื่น ล้านบาท และหากมองย้อนหลังกลับไปนับตั้งแต่ 2Q66 จนถึงปัจจุบันระดับ TURNOVER รายเดือนอยู่ต่ำกว่า 70% มาโดยตลอด(เว้น ส.ค.66) หากตัวเลข มูลค่าการซื้อขายยังไม่กลับมาเหนือ 5 หมื่นล้านบาท/วัน การขับเคลื่อน SET INDEX ให้ขึ้นไปเหนือ 1400 จุด คงเป็นเรื่องยาก ส่วนในมุมของปัจจัยพื้นฐาน ก็ยัง ขาดแรงกระตุ้นที่ชัดเจนเริ่มจากภาพใหญ่ของเศรษฐกิจ ก็ยังเห็นการปรับลด คาดการณ์GDP GROWTH โดยล่าสุดปรับลดตัวเลขปี 2567 เหลือ 2.6% YOY และยังต้องรอลุ้นว่า GDP งวด 1Q67 จะติดลบ QOQ หรือไม่ ขณะที่มาตรการ กระตุ้นเศรษฐกิจน่าจะมาในช่วง 2Q67 หลังการเบิกจ่ายงบประมาณ ส่วนกำไร บริษัทจดทะเบียนถูกปรับลด EPS ปี 2567 ลงมา โดยเราประเมินที่ 91.4 บาท/หุ้น

แรงขับเคลื่อน SET INDEX เบาลงอย่างต่อเนื่อง และกว่าที่จะเห็นมาตรการต่างๆ ออกมากระตุ้นก็น่าจะเป็น 2Q67 ทำให้ในช่วงนี้การเคลื่อนไหจะอยู่ในกรอบแคบ ช่วง 1379 –1390 จุด หุ้น TOP PICK เลือก ADVANC, BGRIM และ MAJOR

จับตาการประชุม FED คืนนี้ตี 1

วานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตัวในแดนบวกราว 0.4% -0.8% หลัง BOND YIELD 2 ปี และ10 ปี ของสหรัฐฯ ย่อตัวลงแหลือ 4.68% และ4.29% ตามลำดับ โดยคืนนี้ช่วงตี 1 (วันที่ 21 มี.ค. เวลา 1.00 น.) รอติดตามการประชุม FED ครั้งที่ 2/2567 ซึ่งน่าจะยัง เห็นการคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 5.5% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 นอกจากนี้ FED จะมีการ รายงานคาดการณ์ดอกเบี้ยเป็นครั้งของปีนี้ (DOT PLOT) ขณะที่การเปิดเผย DOT PLOT ล่าสุดในรอบเดือน ธ.ค.66 มีค่า MEDIAN ดอกเบี้ยสหรัฐฯ ของปี 2567 อยู่ที่ 4.6% ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ FED 11 เสียง (หนึ่งในนั้นมีเสียง VOTE จากประธาน FED) คาด ว่าจะปรับลดดอกเบี้ย 75 BPS. หรือ 3 ครั้ง

สำหรับผลการประชุม BOJวานนี้ มีมติ 7 ต่อ 2ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จากระดับ -0.1% เป็น 0.0 - 0.1% รวมทั้งผ่อนคลาย YIELD CURVE CONTROL หรือยกเลิกนโยบายคุมเส้นอัตราผลตอบแทน หลังใช้ต่อเนื่อง 8 ปี และยุติการซื้อ ETF JRIETS แต่ยังเดินหน้าซื้อพันธบัตรระยะยาว 4.5 แสนล้านเยนต่อไป

ั้งนี้ ดอกเบี้ยญี่ปุ่นที่ขยับสูงขึ้น บวกกับดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่จะปรับตัวลงในปีนี้ เชื่อว่า จะเป็นแรงหนุนให้เงินเยนจะค่อยๆ แข็งค่าขึ้นในระยะถัดไป และด้วยเงินเยนมีสัดส่วนใน ตะกร้าดอลลาร์ราว 14% ซึ่งสูงเป็นอันดับ 2 อาจกดดันให้ DOLLAR INDEX อ่อนค่า ลงได้และน่าจะทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นบ้างตามลำดับ

สรุป คืนนี้ช่วงตี 1 รอติดตามการประชุม FED พร้อมกับรายงาน DOT PLOT และ รายละเอียดการทำ QT ของ FED ทั้งนี้ หาก FED มีการปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้ 2-3 ครั้ง เชื่อว่าจะเห็นบ้านเรามีการปรับลดดอกเบี้ยอย่างน้อยๆ 1 ครั้ง
ราคาน้ำมันยังอยู่ทิศทางขาขึ้น เลือก PTTEP TOP เป็นตัวเลือก การลงทุน

ราคาน้ำมันดิบดูไบล่าสุดอยู่ในกรอบ 82-84 เหรียญฯต่อบาร์เรล ยังอยู่ในทิศทางขา ขึ้นหากเทียบกับช่วงครึ่งแรกของงวด 1Q67 ที่ปรับฐานลงไปอยู่ราว 75-77 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล โดยได้รับปัจจัยหนุนหลักจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางหลัง อิสราเอลยืนยันจะไม่เข้าร่วมการเจรจาหยุดยิงช่วงคราวในระหว่างช่วงเทศกาล รอมฎอน รวมถึงรัสเซียประกาศพร้อมทำสงครามนิวเคลียร์ หากสหรัฐฯเริ่มส่งทหาร เข้าไปในพื้นที่ของยูเครน ประกอบกับมีรายงานยูเครนส่งโดรนโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของ รัสเซียหลายแห่ง นอกจากนี้ IEA ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันใน ตลาดโลกปี 2567 ว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 1.3 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 103.2 ล้านบาร์เรล/ วัน จากเดือนก่อนหน้าที่คาดไว้ที่ระดับ 103.1 ล้านบาร์เรล/วัน อย่างไรก็ตามการปรับ ขึ้นของราคาน้ำมันอาจจะถูกกดดันจากความกังวลด้านความต้องการใช้น้ำมันใน ประเทศจีนจะชะลอตัว หลังมีรายงานว่าจีนนำเข้าน้ำมันดิบในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. ลดลง 5.7% จากเดือน ธ.ค. มาอยู่เพียง 10.7 ล้านบาร์เรล

สำหรับในส่วนของทิศทางค่าการกลั่นพบว่าค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ล่าสุด อยู่ในกรอบราว 6-7 เหรียญฯต่อบาร์เรล ปรับตัวลดลงจากช่วงครึ่งแรกของงวด 1Q67 ที่ขึ้นไปอยู่ในระดับ 9-10 เหรียญฯต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นผลจากช่วง HIGH SEASON ฤดูหนาวที่กำลังจะจบลง ทำให้ความต้องการใช้ปรับตัวลดลง แต่ค่าการ กลั่นในช่วงปลายไตรมาส 1 ต่อเนื่องไตรมาส 2 คาดจะยังได้รับปัจจัยบวกหนุนไว้ไม่ให้ ค่าการกลั่นลดลงมากนักจากการหยุดเดินเครื่องเพื่อซ่อมบำรุงของโรงกลั่นหลานแห่ง ตามฤดูกาลหลังเดินเครื่องเต็มที่ในช่วงฤดูหนาว ซึ่งจะทำให้ SUPPLY บางส่วนหายไป จากตลาด ดังนั้นในส่วนของทิศทางค่าการกลั่น ยังให้น้ำหนักเป็นไปตามช่วงฤดูกาล

สรุป ทิศทางราคาน้ำมันดิบที่ยังเป็นขาขึ้น แม้ค่าการกลั่นอาจชะลอตัวบ้างในไตรมาส 1 ชอบหุ้นกลุ่มโรงกลั่นที่รับผลประโยชน์โดยตรง อาทิ PTTEP TOP คาดจะสามารถ OUTPERFORM SET ได้ในช่วงเวลาสั้นๆ

ปัจจัยบวกไม่มี ปัจจัยลบผ่านมาแล้ว SET ไม่ขึ้น-ลง อย่างมีนัยฯ

วานนี้ SET INDEX ปิดลบ 3.48 จุด อยู่ที่ระดับ 1382.46 จุด และมีมูลค่าซื้อขายสูงถึง 5.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือเป็นมูลค่าซื้อขายที่สูงเป็นอันดับ 6 ของปีนี้ และเป็นอันดับ 1 ของเดือนนี้ อย่างไรก็ตาม สาเหตุหลักมาจากมูลค่า BIGLOT ของ AWC-F ที่สูงถึง 1.79 หมื่นล้านบาท ซึ่งหากนำมาหักออกจากมูลค่าซื้อขายของ SET จะทำให้มูลค่าซื้อ ขายที่แท้จริงอยู่ที่ 3.6 หมื่นล้านบาทเท่านั้น

ึ่งหากพิจารณาเป็นรายเดือน จะเห็นได้ว่าไตรมาส 1 ของปีนี้ เทียบกับไตรมาส 1 ของ ปีที่แล้ว SET มีมูลค่าซื้อขายที่เบาบางลงอย่างชัดเจน โดยล่าสุดอยู่ที่ระดับ 4.2-4.5 หมื่นล้านบาท(คิดเป็นระดับ TURNOVER 61%-65%) ซึ่งช่วงเดียวกันของปีที่แล้วมี มูลค่าซื้อขายที่ระดับ 5.8-6.8 หมื่นล้านบาท(คิดเป็นระดับ TURNOVER 72%-81%) ซึ่งปัจจัยที่ทำให้มูลค่าซื้อขายเบาบาง คาดว่าจะเป็น

• ในช่วงนี้ยังไม่มีปัจจัยหนุนเข้ามาเสริมให้ SET คึกคัก ทั้งในมุมของนโยบาย การเงิน ที่ยังมีความเสี่ยงที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ระดับเดิมจนถึงช่วงกลางปีนี้ และนโยบายการคลัง ที่ยังไม่มีแรงเบิกจ่าย ต้องรอจนกว่างบประมาณปี 67 จะ มีผลบังคับใช้ จึงทำให้ FLOW ต่างชาติยังคงไหลออกจากหุ้นไทยเรื่อยมา

• การปรับประมาณการลงของ GDP และ EPS โดย GDP GROWTH ปีนี้หลาย สำนักเศรษฐกิจปรับประมาณการ GDP ลงเป็นต่ำกว่า 3% ซึ่งถือว่าต่ำกว่า ระดับ GDP ของเพื่อนบ้านเรา(อาเซียน) ขณะที่ EPS67F ก็มีการทยอยปรับ ประมาณการลง หลังงบ 4Q66 ออกมาต่ำกว่าคาด โดยล่าสุดอยู่ที่ระดับ 91.40 บาท/หุ้น

ประเด็นดังกล่าว จึงทำให้ SET INDEX ผันผวนในกรอบแคบ และเกิดการ SECTOR ROTATION ได้ง่ายขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการหนุนหุ้นกลุ่มขนาดกลาง-เล็กกลับมา OUTPERFORM อาทิ กลุ่ม STEEL(SAM BSBM TSTH PERM INOX) AGRI(NER STA TRUBB) CONS(CNT PLE CIVIL TEAMG UNIQ) เป็นต้น

สรุป ปัจจัยบวกไม่มี ปัจจัยลบที่ผ่านมาแล้ว ทำให้ SET INDEX ไม่ขึ้น-ลง อย่างมีนัยฯ โดยประเมินกรอบวันนี้ที่ระดับ 1379 –1390 จุด ขณะที่ FLOW ต่างชาติยังไม่มีทีท่าว่า จะไหลกลับเข้ามา จึงทำให้หุ้นกลุ่มขนาดกลาง-เล็ก OUTPERFORM อาทิ กลุ่ม STEEL(SAM BSBM TSTH PERM INOX) AGRI(NER STA TRUBB) CONS(CNT PLE CIVIL TEAMG UNIQ) เป็นต้น

ส่วน TOP PICKS วันนี้เลือก MAJOR, ADVANC และ BGRIM

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย