A volatile week
• SET: ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นอื่น หลังเงิน USD และ Bond yield เด้งขึ้น ส่งผลกดดันต่อมายังสกุลเงิน EM อื่นๆ รวมถึงเงิน บาทที่ยังคงเห็นการอ่อนค่าต่อ ท่าให้เห็นแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ เกิดขึ้นทั้ง 3 ตลาดหลัก คาดสัปดาห์นี้ ดัชนีจะมีความผันผวนมากขึ้นตาม ปัจจัยต่างประเทศที่เข้มข้นขึ้น แต่ตลาดหุ้นไทยจะได้เปรียบตรงที่กลุ่ม Oil & Gas น่าจะเป็นตัวช่วยพยุงตลาดไว้ได้ ตามราคานํามันดิบที่ท่า จุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง มองกรอบการแกว่งตัวของ SET ในสัปดาห์นี้ที่ 1360-1420 จุด
• Strategy: ในเชิงกลยุทธ์ แนะน่าเพียงถือครองหุ้นในส่วนเดิมต่อไป อย่างไรก็ดี หากต้องการเข้าสะสมหุ้นใหม่ ณ เวลานี้ที่ SET ขึ้นมาในระดับ หนิ่งแล้ว แนะน่ากลุ่มที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
1) Best pick ในกลุ่ม Oil & Gas ได้แก่ SPRC
2) Laggard play ทีราคาลดลงไม่สมเหตุสมผลกับประมาณการกําไรที่ถูก ปรับขึ้น อาทิ GUNKUL, PLANB, CHG, AWC, BCH, BDMS, PTTEP, BTS, SCGP
3) กลุ่มหุ้นที่เก็งกําไรไปกับปัจจัยงบประมาณภายในประเทศสัปดาห์นี้ อาทิ CK, STEC, GLOBAL, DOHOME
4) กลุ่มที่ได้ประโยชน์จาก China reflation อาทิ IVL, PTTGC, SCC, SCGP หลังจากที่เช่าวันนี้จีนรายงานตัวเลขการลงทุนและผลผลิต อุตสาหกรรม กว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
• Factors: สําหรับปัจจัยที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่
1) การประชุม Bol ในวันที่ 18-19 มี.ค. ซึ่งล่าสุดมีความเป็นไปได้สูงขึ้นที่ Bol จะปรับเพิ่มดอกเบี้ยนโยบายขึ้นจากระดับติดลบเป็นครั้งแรกใน รอบ 8 ปี หลังจากที่การเจรจาตกลงค่าจ้างเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาบรรลุ ข้อตกลงการปรับขึ้นเกินกว่า 5% อย่างไรก็ดี นักลงทุนในตลาดล่าสุด ให้ความน่าจะเป็นของการขึ้นดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้เพียง 46% เท่านั้น ดังนั้น ด้วยโอกาส 50:50 แบบนี้ บ่งชี้ว่าไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาหน้า ไหน จะมีความผันผวนเกิดขึ้นอย่างแน่นอน โดยเฉพาะในตลาด FX ตลาดพันธบัตร และตลาดหุ้นของญี่ปุ่น
2) การประชุม FOMC ในวันที่ 19-20 มี.ค. ซึ่งคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทางด้านอัตราดอกเบี้ยแต่อย่างใด แต่หากประมาณการเศรษฐกิจและ Dot plots ที่ออกมามีความเคลื่อนไหวจากครั้งก่อน อาทิเช่น มีการ ปรับเพิ่มค่ากลาง Dot plots ปีนี้ ขึ้นจากเดิมที่คาดว่าจะมีการลด ดอกเบี้ยทั้งหมด 3 ครั้ง หรือปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเหมาะสมระยะยาว ที่ 2.5% มองจะเป็นปัจจัยลบต่อตลาดได้ ในทางกลับกันหากมีการ แตะเกี่ยวกับประเด็นแนวโน้มการยุติโครงการ QT ในอนาคต อาจเป็น ตัวสร้าง Sentiment เชิงบวกต่อมุมมองของสภาพคล่องในอนาคตได้
3) การพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจําปี พ.ศ. 2567 วาระ 2-3 ของสภาผู้แทนฯ วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท ในวันที่ 20-22 มี.ค. ซึ่งหากไม่มีอุปสรรคอันใด คาดว่าจะเห็นความคาดหวังเชิงบวกต่อการ เบิกจ่ายภาครัฐในช่วงถัดไปได้ เป็นบวกต่อกลุ่มรับเหมาฯและกลุ่มวัสดุ ก่อสร้าง อาทิ CK, STEC, GLOBAL, DOHOME
4) การประชุมธนาคารกลางอังกฤษในวันที่ 21 มี.ค. ซึ่งคงจะมีมติคง ดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25% ต่อไป แต่แนะน่าติดตามมติของเสียงที่ออกมา ว่าจะมีเสียงแตกที่เอนเอียงไปในทิศทาง Dovish มากขึ้นหรือไม่
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities