🏃 คว้าข้อเสนอ Black Friday ก่อนใคร รับส่วนลดสูงสุด 55% สำหรับ InvestingPro ตอนนี้!รับส่วนลด

ยังมีMOMENTUM เหลือ เล็กน้อย 

เผยแพร่ 11/03/2567 10:11
SETI
-

เช้านี้ไม่มีปัจจัยใหม่ที่มีน้้าหนักในการขับเคลื่อน SET INDEX มีเพียงการประกาศ อัตราการว่างงานในสหรัฐที่ 3.9% ซึ่งสูงกว่าคาด(3.7%) ตอกย้้าความเชื่อเรื่อง การปรับลดดอกเบี้ยเดือน มิ.ย.67 อีกเรื่องหนึ่งเป็นตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ก.พ.ใน จีน ซึ่งอยู่ที่ 0.7% YOY และ 1% MOM สูงกว่าคาด แต่ถูกตีความว่าเป็น สัญญาณการฟื้นตัวเศรษฐกิจสอดคล้องกับตัวเลขการค้าระหว่างประเทศ ที่ ประกาศออกมาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งเติบโตสูงกว่าคาด ส่วนในบ้านเราประเด็น ที่อยู่ในความสนใจได้แก่ การปรับราคาค่าไฟฟ้ารอบใหม่งวด พ.ค. - ส.ค.67 ซึ่ง เบื้องต้นมีกรอบราคาช่วง 4.18 –5.44 บาท/หน่วย ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขในการช้าระ คืนต้นทุนคงค้าง ของ กฟผ. แนวทางดังกล่าวน่าจะสร้างกระแสเชิงบวกให้กับหุ้น ในกลุ่มโรงไฟฟ้า จากปัจจัยแวดล้อมดังกล่าวเชื่อว่าไม่น่าจะมีน้้าหนักในการ ก้าหนดทิศทางตลาดคาด SET INDEX น่าจะเคลื่อนไหวตาม MOMENTUM เดิม

ในช่วงที่ยังไม่ปัจจัยใหม่ๆ SET INDEX น่าจะเคลื่อนไหวไปตาม MOMENTUM เดิมที่ยังคงเหลือยู่ซึ่งน่าจะท้าให้SET INDEX ยังไม่ผ่านแนวต้าน 1398 จุด ส่วน แนวรับอยู่ที่ 1380 จุด หุ้น TOP PICK เลือก BJC, BGRIM และ PTTGC

ปัจจัภายนอก ยังผันผวน หนุน SET ระยะสั้น ไปได้ไม่ไกล

วันศุกร์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตัวในแดนลบราว -0.18% ถึง - 1.16% ซึ่ง ปัจจัยที่ท้าให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผันผวน คงหนีไม่พ้นตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดีกว่า คาด หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของ สหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาด 275,000 ต้าแหน่งในเดือนก.พ.67 มากกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 198,000 ต้าแหน่ง ขณะที่ประเด็นอื่น คือ ความเสี่ยงการเกิด GOVERNMENT SHUTDOWN ของสหรัฐฯที่ล่าสุดผ่อนคลายลงเล็กน้อยหลัง ไบเดนได้ลงนาม งบประมาณ 4.6 แสนล้านดอลลาร์ ต่อส่วนงานหลักๆ อาทิ กองทัพและทหารผ่านศึก กิจการต่างประเทศ เกษตรกรรม พาณิชย์ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงคมนาคม การ พัฒนาเมืองและการเคหะ และพลังงาน ขณะที่ร่างงบประมาณที่เหลืออีก 6 ฉบับจะ หมดอายุในวันที่ 22 มี.ค.67 ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องติดตามต่ออย่างใกล้ชิด

วันที่ 12 มี.ค.67 จะมีการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปสหรัฐฯ เดือน ก.พ.67 ซึ่งตลาด คาดไว้ระดับเดิมที่ +3.1%YOY ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐานไม่รวมถึงสินค้าประเภท อาหารและพลังงาน ตลาดคาดอยู่ที่ระดับ +3.7%YOY ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ ระดับ +3.9%YOY ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม เนื่องจากตัวเลขดังกล่าวหากไม่ปรับ ลดลง ดังที่ FED หวังไว้ อาจส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯยังยืนในระดับสูง

วันที่ 20 มี.ค.67 จะมีการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ(FED) ที่ตลาดคาดว่ามีโอกาส คงดอกเบี้ยสูงถึง 97% ขณะที่ในการประชุมครั้งถัดๆไป ตลาดคาดว่า FED จะเริ่มเข้าสู่ กระบวนการปรับลดดอกเบี้ย หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการปรับตัวตามที่คาดหวังไว้ หรือ จนกว่าจะมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าเงินเฟ้อก้าลังปรับตัวสู่ระดับ 2% โดย FED WATCH TOOL คาดดว่า FED จะปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรก 0.25% ในเดือน มิ.ย.67

สรุป ปัจจัยภายนอกที่มีทั้งเรื่องดีและร้าย ขณะที่ระยะถัดไปยังมีปัจจัยที่ต้องติดตามทั้ง อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ และ การประชุม FED จึงท้าให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ OUTPERFORM ตลาดหุ้นอื่นๆตั้งแต่ต้นปี มีโอกาสผันผวนในกรอบแคบ และถูกแรง TAKE PROFIT มากกว่าช่วงอื่นๆ

ภาคบริโภคจีนมีสัญญาณดีขึ้น คาดเป็นโมเมนตัมบวกต่อไทย

วันเสาร์ที่ผ่านมา (9 มี.ค. 67) มีรายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ก.พ. ออกมา +0.7%YOY สูงกว่าตลาดคาดที่ +0.3%YOY ซึ่งเป็นการพลิกกลับมาเป็นบวกครั้ง แรกในรอบ 5 เดือน และท้าจุดสูงสุดในรอบ 11 เดือน โดยขยายตัวดีขึ้นเกือบทุกหมวด สินค้า ขณะที่ราคากลุ่มอาหารหดตัวน้อยลง เนื่องจากมีแรงหนุนจากช่วงเทศกาล ตรุษจีน รวมทั้งยังมีมาตรการแก้ปัญหาราคาเนื้อหมูตกต่้าในจีน

ส้าหรับในระยะถัดไป หากเงินเฟ้อจีนขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง หรือไม่พลิกกลับมาติดลบ มองว่าจะเป็นการส่งสัญญาณ การฟื้นตัวของภาคบริโภคจีนที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ขณะที่แรงหนุนจากการเร่งเดินหน้าเศรษฐกิจ รัฐบาลจีนยังมีแนวทางส่งเสริมภาคการ ผลิตและเทคโนโลยีในประเทศโดยตั้งเป้างบประมาณกว่า 1 พันล้าน USD พร้อมกับตั้ง กองทุนชิป 2.7 หมื่นล้านดอลล์ เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีแข่งขันกับสหรัฐฯ

ท้ายที่สุดแล้ว เชื่อว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนจะเป็น MOMENTUM เชิงบวก ส่งผ่านมายังเศรษฐกิจไทยด้วยเช่นกัน เฉพาะอย่างยิ่งภาคการส่งออกและภาคการ ท่องเที่ยวในบ้านเรา เนื่องจากจีนถือเป็นประเทศคู่ค้าส้าคัญอันดับ 1 ของไทย รวมถึง ช่วงก่อนโควิด-19 นักท่องเที่ยวชาวจีนทะลักเข้าไทยสูงสุดเป็นอันดับแรก

สรุป เงินเฟ้อจีน ก.พ. 67 ที่พลิกกลับมาเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 5 เดือน ถือเป็น สัญญาณเชิงบวกที่สะท้อนภาคการบริโภคจีนขยายตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ระยะถัดไป หาก เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวอย่างชัดเจน เชื่อว่าจะเป็น MOMENTUM เชิงบวกส่งผ่านมายัง เศรษฐกิจไทยด้วยเช่นกัน แนะน้าหุ้นไทยอิงภาคการส่งออกและภาคการท่องเที่ยว อาทิ DELTA HANA KCE CPF STA TU IVL SCGP AOT (BK:AOT) MINT CENTEL

สัปดาห์ที่แล้ว SET ขึ้นแรงสุดในปีนี้หวังทยอยฟื้นตัวต่อ

สัปดาห์ที่ผ่านมา SET INDEX ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.39% มาอยู่ที่ 1386.42 จุด ซึ่งเป็น สัปดาห์ที่ SET INDEX ขึ้นแรงสุดในปีนี้ โดยกลุ่มหุ้นที่ OUTPERFORM ก็มี หลากหลาย อาทิ INSUR +3.7%, ETRON +3.7%, MEDIA +2.4%, ICT +2.4%, HELTH +2.4%, AGRI +2.1% เป็นต้น ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นการรีบาวน์ หลังตลาดหุ้น ย่อตัวจากการรายงานงบ 4Q66 และตอบรับการปรับประมาณการก้าไรลงมาใน ระดับหนึ่งแล้ว

ขณะที่ FUND FLOW หลักๆ เป็นการผลักดันจากสถาบันในประเทศที่ซื้อสุทธิ 3.4 พันล้านบาทในสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงFUND FLOW ต่างชาติมีการสลับมาซื้อสุทธิ บ้างในบางวัน และวันศุกร์ที่ผ่านมา ต่างชาติซื้อสุทธิ 1.6 พันล้านบาท

แรงผลักดัน SET INDEX หลักๆ เกิดขึ้นช่วงท้ายสัปดาห์ที่แล้ว คือ วันศุกร์ SET ปรับตัวขึ้น 1% โดยกลุ่มหุ้นที่ขึ้นแรงมี FUND FLOW หนุน และคาดหวังว่ายังมี MOMENTUM ขึ้นต่อในสัปดาห์นี้ แนะน้า 2 กลุ่มหลักๆ คือ

หุ้นอิงเศรษฐกิจจีน ที่มีแนวโน้มฟื้นชัดขึ้น คือ กลุ่ม ETRON (KCE, HANA), PKG (SCGP), PETRO (PTTGC, IVL), AGRI (STA, NER) หุ้นอิงนโยบายการเงิน,การคลัง ที่อาจส่งผลต่อธุรกิจในอนาคต อาทิ การลด ดอกเบี้ย, การลดการกดค่าไฟฟ้า, งบประมาณเบิกจ่ายปี 67 ใกล้เข้ามา, การกระตุ้นการท่องเที่ยวต่อเนื่อง ดีต่อกลุ่ม FIN (SAWAD, TIDLOR), โรงไฟฟ้า (BGRIM, GPSC, GULF), CONS (CK, STEC), TOURISM (CENTEL, ERW)

สรุป SET INDEX เริ่มฟื้นตัว และยังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อ กลยุทธ์แนะน้าหุ้นอิงเศรษฐกิจ และหุ้นได้ประโยชน์จากนโยบายการเงินและการคลังที่ทยอยเข้ามา น่าจะ OUTPERFORM ตลาดได้ในช่วงนี้ ส่วนวันนี้ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวไว้ที่ 1380 – 1398 จุด TOPPICK เลือก BJC, BGRIM

เสนอค่า FT งวดใหม่ ตรึงไว้ 39.72 หรือขึ้นสูงสุดไม่เกิน 165.24 สตางค์/หน่วย

กกพ. เปิดรับฟังความคิดเห็นค่าไฟฟ้าผันแปร (FT) งวด พ.ค.-ส.ค. 2567 โดย น้าเสนอค่า FT อยู่ในกรอบ 39.72 - 165.24 สตางค์/หน่วย เทียบกับเดือน ม.ค.- เม.ย. ที่มีค่า FT ที่ 39.72 สตางค์/หน่วย ซึ่งเมื่อรวม กับค่าไฟฐาน 3.78 บาท/หน่วย จะส่งผลให้อัตราค่าไฟงวดใหม่คาดอยู่ที่ราว 4.18 –5.44 บาท/หน่วย จากเดิม 4.18 บาท/หน่วยในรอบก่อนหน้า โดย จะมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นตั้งแต่ 8 - 22 มี.ค. 2567 ก่อนจะสรุปผล และประกาศใช้อย่างเป็นทางการต่อไป โดยแนวทางปรับปรุงค่าFT แบ่งเป็น 3 กรณี ได้แก่

กรณีที่ 1จ่ายคืนภาระต้นทุนค้างทั้งหมดในงวดเดียว : ส่งผลให้ค่า FT เพิ่มขึ้นจากเดิม 125.52 สตางค์/หน่วย มาอยู่ที่ 165.24 สตางค์/หน่วย (ประกอบด้วย FT ที่สะท้อน ต้นทุนเดือน พ.ค.-ส.ค. 2567 19.21 สตางค์/หน่วย และเงินจ่ายคืนหนี้ กฟผ. 146.03 สตางค์/หน่วย) โดยเมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.78 บาท/หน่วย จะส่งผลให้อัตราค่า ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 5.44 บาท/หน่วย

กรณีที่ 2 จ่ายคืนภาระต้นทุนค้างใน 4 งวด : ส่งผลให้ค่า FT เพิ่มขึ้นจากเดิม 16.00 สตางค์/หน่วย มาอยู่ที่55.72 สตางค์/หน่วย (ประกอบด้วย FT ที่สะท้อนต้นทุนเดือน พ.ค.-ส.ค. 2567 19.21 สตางค์/หน่วย และเงินจ่ายคืนหนี้ กฟผ. 36.51 สตางค์/ หน่วย) โดยเมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.78 บาท/หน่วย จะส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้า เพิ่มขึ้นเป็น 4.34 บาท/หน่วย

กรณีที่ 3 ตรึงค่า FT เท่ากับงวดปัจจุบัน : โดยตรึงค่า FT ไว้ที่ 39.72 บาท/หน่วย (ประกอบด้วย FT ที่สะท้อนต้นทุนเดือน พ.ค.-ส.ค. 2567 19.21 สตางค์/หน่วย และ เงินจ่ายคืนหนี้ 20.51 สตางค์/หน่วย) โดยเมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.78 บาท/ หน่วย จะส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าเท่ากับงวด ม.ค.-เม.ย. 2567 ที่ 4.18 บาท/หน่วย

ทั้งนี้ การปรับปรุงค่า FT ดังกล่าว จะยังไม่รวมเงินภาระคงค้างค่าก๊าซฯ ที่เกิดขึ้นจาก การใช้นโยบายตรึงการเรียกเก็บราคาก๊าซฯเดือน ก.ย. – ธ.ค. 2566 คงที่ ตามมติ กพช.

ภาพรวม ถือเป็นมุมมองเชิงบวกต่อผู้ประกอบการโรงไฟฟ้า SPP ที่มีสัดส่วนขาย ไฟฟ้าให้แก่กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมค่อนข้างสูง อาทิ BGRIM, GPSC, GULF เนื่องจา ค่า FT งวดใหม่มีแนวโน้มคงที่ หรืออาจปรับตัวสูงขึ้นจากงวดก่อนหน้า ในขณะที่ ประมาณการต้นทุนก๊าซธรรมชาติ (POOL GAS) รอบ พ.ค.-ส.ค. 2567 มีแนวโน้ม ลดลงมาอยู่ราว 300 ล้านบาท/ล้านบีทียู จากเดือน ม.ค.-เม.ย. 2567 ที่อยู่ราว 333 บาท/ล้านบีทียู ส่งผลให้ภาพรวมอัตราก้าไรขั้นต้นของกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ในงวด 2Q66 มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น QOQ ภายใต้สมมติฐานอ้างอิงตามแนวทางค่า FT ทั้ง 3 กรณีดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน กกพ. ยังอยู่ระหว่างการเปิดรับฟังความ คิดเห็นจากประชาชน จึงยังต้องรอข้อสรุปเป็นตัวเลขที่เป็นทางการต่อไป รวมถึงต้อง ติดตามนโยบายจากภาครัฐฯ ว่าจะมีมาตรการปรับลดค่า FT ลงให้ต่้าแนวทาง ที่ กกพ. เสนอข้างต้น ด้วยการยืดการช้าระหนี้ให้แก่ กฟผ. ออกไป เพื่อช่วยเหลือภาค ประชาชนอย่างต่อเนื่องหรือไม่

ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยคงค้าแนะน้าหาจังหวะทยอยสะสมลงทุนระระยาวส้าหรับ GULF (FV@63B), BGRIM (FV@34B), และ GPSC (FV@55B) ที่ได้รับประโยชน์จากต้นทุน ก๊าซฯที่คาดจะเริ่มทยอยปรับตัวลดลง รวมถึงโครงการใหม่ๆที่เข้ามาช่วยต่อยอดฐาน ก้าไรให้เติบโตต่อเนื่อง YOY

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย