ความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจกำลังกลับมาอีกครั้ง โดยในต่างประเทศเห็นบาง ประเทศอย่าง ญี่ปุ่น และ อังกฤษ เข้าสู่นิยามของ Technical Rcesssion กล่าวคือ มีขนาด GDP ติดลบต่อกัน 2 ไตรมาส ส่วนบ้านเรา สัปดาห์หน้าจะมีรายงาน ตัวเลข GDP 4Q66 ทั้งนี้จากสัญญาณที่ส่งออกมาจากกระทรวงการคลังว่าเห็น สัญญาณชะลอตัวของเศรษฐกิจ รวมถึง Bloomberg Consesnsu เป็นไปได้ที่จะ เห็น GDP 4Q66 ลดลง QoQ เป็นไตรมาสที่ถึง ซึ่งทำให้ความเสี่ยงต่อการที่จะเข้า สู่ Technical Recession ของบ้านเราสูงขึ้น อีก Indicator หนึ่งที่เราเห็นคือผล ประกอบการงวด 4Q66 ของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งพบว่าที่ประกาศออกมาแล้ว ก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่แสดงผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาด สภาวะดังกล่าว ประกอบ กับเรื่องทิศทางดอกเบี้ยที่ส่งผลทำให้เงินบาทผันผวน อาจทำให้ Fund Flow ชะลอการไหลกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นบ้านเรา
SET Index วันนี้น่าจะอยู่ในช่วงผั้นผวนรอ ความชัดเจนทั้งเรื่องผลประกอบการ บริษัทจดทะเบียน และ ตัวเลข GDP วันนี้ประเมินกรอบ 1380 –1395 จุด หุ้น Top Pickเลือก CBG, ITC และ MAJOR
เศรษฐกิจโลกซบเซา กดภาคการค้าบ้านเราเสี่ยงชะลอตัว
อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกที่ยืนระดับสูงในช่วงปีที่ผ่านมา ทำให้ธนาคารกลางต่างๆ การ ดำเนินโยบายการเงินแบบตรึงตัวมากขึ้น โดยผลกระทบได้ส่งผ่านไปยังเศรษฐกิจ หลายประเทศให้ขยายตัวต่ำ อาทิ ยุโรป เยอรมัน เป็นต้น ขณะที่เศรษฐกิจบางประเทศ เข้าสู่ภาวะ Technical Recession(GDP QoQ ติดลบต่อกัน 2Q) อาทิ
• ญี่ปุ่น GDP Growth ใน 3Q66-4Q66 หดตัว –0.8%QoQ และ -0.1% QoQ ตามลำดับ โดยในไตรมาสล่าสุด ได้รับแรงกดดันเกือบทุกองค์ประกอบ ไม่ว่า จะเป็นการบริโภคภายในประเทศ (-1.0%), การลงทุนภาครัฐ (-0.3%), การ ลงทุภาคเอกชน (-0.1%) เป็นต้น
• อังกฤษ GDP Growth ใน 3Q66-4Q66 หดตัว –0.1%QoQ และ -0.3% QoQ ตามลำดับ โดยในไตรมาสล่าสุด ได้รับแรงกดดันจาก 3 ภาคส่วนหลัก ได้แก่ ภาคบริการ (-0.2%), ภาคการผลิต (-1.0%) และภาคการก่อสร้าง ( 1.3%)
เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่ชะลอตัวลง อาจส่งผลให้การค้าระหว่าง ประเทศของไทยเสี่ยงชะลอตัวตามไปด้วย ขณะที่ประเทศญี่ปุ่นถือเป็นประเทศคู่ค้า สำคัญอันดับ 3 ของไทย โดยในปี 2566 มีการขาดดุลการค้าสูงถึง 6.5 ล้านล้าน USD ซึ่งช่วง 4Q66 เห็นการขาดดุลการค้าราว 1.5 ล้านล้าน USD จึงเป็นปัจจัยที่มีโอกาส กดดัน GDP Growth บ้านเราได้เช่นกัน
สรุป เศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวได้น้อยลง อีกทั้งเศรษฐกิจบางประเทศได้เข้าสู่ภาวะ Technical Recession แล้ว โดยผลกระทบที่ตามมาอาจทำให้การค้าระหว่างประเทศ ของไทยในช่วงปี 2566 และ 4Q66 เสี่ยงชะลอตัวตามเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าด้วยเช่นกัน
ปัจจัยในประเทศยังไม่สดใส อาจกดดัน SET ระยะสั้น การเกิด Technical Recession ในญี่ปุ่น และสหราชอาณาจักร อาจส่งผลต่อ เศรษฐกิจในภาคการส่งออก เนื่องจากญี่ปุ่นเป็นประเทศคู่ค้าไทยอันดับที่ 3 เป็นรอง แค่ จีน และ สหรัฐฯ บวกกับการลงทุนภาคเอกชนน้อยลง จากดอกเบี้ยยืนอยู่ใน ระดับสูง และ - การใช้จ่ายภาครัฐล่าช้า ทำให้ GDP Growth 4Q66 มีโอกาสชะลอ ลงได้เช่นกัน โดย BLOOMBERG CONSENSUS คาดการณ์ GDP GROWTH ไทย ปี 2566 อย่างไม่เป็นทางการ โตเพียง 2.1%YOY ซึ่ง GDP GROWTH(YOY) ไทยไตร มาส 1-3 อยู่ระดับ 2.6% 1.8% และ 1.5% ตามลำดับ ทำให้GDP ใน 4Q66 คาด ขยายตัวเพียง 2.5%YOY พร้อมกับเป็นไตรมาสอาจติดลบราว -0.1%QOQ กดดัน ให้เศรษฐกิจบ้านเราเสี่ยงต่อภาวะ TECHNICAL RECESSION (ถ้าติดลบ 2 ไตรมาส ติดต่อกัน)
ขณะที่ในมุมของนโยบายการคลังอย่าง Digital wallet ที่ยังมีความคืบหน้าไม่ เท่าที่ควร และมีหลายปัจจัยที่เป็นความเสี่ยงให้โครงการดังกล่าวอาจไม่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามวานนี้ รมช.คลัง กล่าวว่า หนังสือข้อเสนอของ ป.ป.ช. มาถึงทำเนียบฯ เมื่อศุกร์ที่แล้ว ซึ่งในกระบวนการ ไม่ทันเข้าสู่วาระครม.ในวันอังคารที่ผ่านมา ดังนั้นจึง จะนำเข้า ครม.ในวันอังคารถัดไป ส่วนที่ประชุมบอร์ด Digital wallet วานนี้มีการ พิจารณาอยู่ 3 เรื่อง
1. การพิจารณาตั้งอนุกรรมการ ศึกษาข้อเสนอแนะกฤษฎีกา-ป.ป.ช. กำหนด
กรอบเวลา 30 วัน
2. พิจารณาการเชื่อมต่อกับธนาคารพาณิชย์ กับการติดตามตรวจสอบเรื่อง
การทุจริตในทุกช่องทาง หากเกิดโครงการดังกล่าว
3. ตั้งคณะทำงานเพื่อรับฟังความคิดเห็นเพิ่มเติม เนื่องจากมีความเห็นที่
หลากหลาย จึงต้องรับฟังให้ครบถ้วน และนำข้อสรุปต่างๆ มานำเสนอ
คณะกรรมการในการประชุมครั้งถัดๆ ไป
ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องติดตามต่อไปว่า จะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ และจะสร้างผลดี-เสีย มากน้อยเพียงใดต่อระบบเศรษฐกิจ
สรุป Digital wallet ที่ยังไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร และความเสี่ยงการเกิด Technical Recession ในอนาคต ทำให้เศรษฐกิจไทยมีโอกาสชะลอตัวลงอย่างมีนัย ฯ ดังนั้น คาดจะเป็นตัวชึ้นำ SET Index ให้ผันผวนระยะกลาง-ยาวได้ โดยวันนี้ คาด กรอบการเคลื่อนไหวของ SET Index ในกรอบ 1380 -1395 จุด
SET อาจผันผวนกว่าปกติ ช่วงบริษัทรายงานกำไร 4Q66 แนะนำหุ้นประกาศงบไปแล้ว มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว
ตลาดหุ้นเข้าสู่ช่วงการรายงานงบ 4Q67 เต็มที่ในช่วง 2 สัปดาห์ต่อจากนี้ ซึ่งในช่วงที่ ผ่านมาส่วนใหญ่รายงานออกมาแล้ว มีจำนวนหุ้นที่กำไรต่ำคาดถึง 7 ใน 10 ส่วน พร้อมกับวันจันทร์หน้า มีการรายงานตัวเลข GDP4Q66 ที่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของ Technical Recession ได้ ดังนั้นเพื่อลดความเสี่ยงกับความผันผวนช่วงสั้นสำหรับ นักลงทุนสายเก็งกำไรแนะนำหลีกเลี่ยงหุ้นที่ยังไม่ได้ประกาศงบในช่วงนี้ออกไปก่อน
ส่วนกลยุทธ์ในช่วงนี้ฝ่ายวิจัยฯ แนะนำหลบความผันผวนจากปัจจัยดังกล่าว โดยการ ลงทุนในหุ้น Real Sector ที่ประกาศงบ 4Q66 ไปแล้ว และคาดว่ากำไรงวด 1Q67 จะ ทยอยดีขึ้น อาทิ SCCC, ADVANC, INTUCH, AOT (BK:AOT), DRT, GULF, MINT, ITC, CPAXT, JMT, JMART, SCC, GPSC, IRPC, TOP
นอกจากนี้ราคาหุ้นที่ผันผวน ส่งผลให้หุ้นใน SET50 และ SET100 เริ่มมีการสลับ ตำแหน่งกัน โดยล่าสุด หุ้นใน SET100 ที่ Market Cap ใหญ่ขึ้นกว่าหุ้นใน SET50 เด่นๆ คือ TIDLOR, ITC จึงมีโอกาสเข้า SET50ในรอบหน้าได้ ส่วนหุ้นที่มีโอกาสหลุด จาก SET50 คือ KCE, COM7 อย่างไรก็ดี ITC น่าจะเป็นเต็ง 1 ที่จะเข้า SET50 ได้ ในตอนนี้ เพราะ TIDLOR อาจมีการจ่ายหุ้นปันผลในระยะถัดไป (หมายเหตุ: ตลาด หลักทรัพย์จะใช้ข้อมูล Market Cap เฉลี่ย มี.ค. – พ.ค. 67 ในการจัดลำดับ SET50 รอบ 2H67)กลยุทธ์แนะนำเก็งกำไรหุ้น ITC ประกาศงบ 4Q66 ออกมาแล้ว คาดหวัง กำไร 1Q67 ดีขึ้น และยังมีโอกาสเลื่อนชั้นจาก SET100 มาเปฌน SET50 ในรอบ ถัดไป
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities