รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

เงินเฟ้อจีนติดลบ กระทบส่งออกไทย? 

เผยแพร่ 09/02/2567 09:24

ตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ม.ค.67 ของจีนออกมา -0.8% YoY ติดลบมากกว่าที่คาด และเป็นการติดลบต่อเนื่อง สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจที่ซบ เซา (คล้ายๆ กับบ้านเรา) ในมุมนี้หากสะท้อนกลับมาถึงผลกระทบเศรษฐกิจไทย ก็ อาจเป็นตัวส่งสัญาณถึงภาคการส่งออกที่อาจฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาด ทำให้ รัฐบาลไทยต้องเตรียมมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งพิจารณาจาก ตัวเลือกในปัจจุบัน เห็นว่าน่าจะเหลือเพียง การกระตุ้นการบริโภคของภาค ครัวเรือนที่เป็นไปได้โดยมาตรการที่ใหญ่สุดในหมวดนี้ก็ได้แก่ Digital Wallet ซึ่ง ประเมินจากท่าทีของรัฐบาลแล้วเชื่อว่าจะเห็นการเดินหน้าต่อ กำหนดจะมีการ ประชุมคณะกรรมการ Digital Wallet ในสัปดาห์หน้า ซึ่งน่าจะเห็นความชัดเจน ส่วนอีกเรื่องที่น่าสนใจได้แก่ ราคาน้ำมันซึ่ง Brent ปรับขึ้นไปที่ 81.63 เหรียญฯ จากความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ อาจกระตุ้นการเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มน้ำมัน

ตลาดหลายประเทศในภูมิภาคหยุดทำการในวันนี้ ซึ่งน่าจะทำให้ปริมาณการซื้อ ขายเบาบาง เกิดความผันผวนของราคาหุ้นได้ง่าย คาด SET Index วันนี้ เคลื่อนไหวกรอบ 1385 –1400 จุดหุ้น Top Pickเลือก AP, CPALLและ PTTEP

ภาคแรงงานสหรัฐฯยังดูดีท่ามกลางความตึงเครียดตะวันออก กลาง หนุนน้้ามันดิบปรับตัวขึ้นต่อ

วานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯยังปรับตัวขึ้นแรง 0.2%-1.5% จากการรายงานผล ประกอบการช่วง 4Q66 ที่ดีกว่าคาด โดยข้อมูลจาก Bloomberg consensus บ่งชี้ ว่า ดัชนี S&P500 มีบริษัทที่รายงานกำไรออกมาแล้ว 332 บริษัท จากทั้งหมด 500 บริษัท ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ถึง 8% บวกกับตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ยังแข็งแกร่ง อาทิ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก(Initial jobless claim) ลดลง 9,000 ราย สู่ ระดับ 218,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าคาดที่ระดับ 221,000 ราย

ขณะที่ตัวเลขถัดไปที่ตลาดมอง คือ อัตราเงินเฟ้อที่จะรายงานวันที่ 13 ก.พ.67 ซึ่ง ตลาดคาดไว้ที่ระดับ +0.2%Mom / +2.9%YoY ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ +0.3%Mom / +3.4%YoY ประเด็นดังกล่าว สะท้อนภาคแรงงานสหรัฐฯ ยังคง แข็งแกร่งและไม่ได้มีปัญหามากนัก ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงยาวนานกว่าที่คาดไว้โดยล่าสุด FED WATCH TOOL ให้โอกาสคงดอกเบี้ยมากขึ้นในการประชุมเดือน มี.ค.67 ถึง81% อย่างไรก็ตามตั้งแต่ การประชุมเดือน พ.ค.67 FED WATCH TOOL คาดว่าจะลดดอกเบี้ยด้วยความ น่าจะเป็น 53% และทยอยปรับลดดอกเบี้ยลงเรื่อยๆจนถึงสิ้นปี รวมแล้วกว่า 5 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวมแล้วกว่า 1.25% จน ณ สิ้นปี2567 คาดดอกเบี้ยจะอยู่ระดับ 4.25%

ส่วนปัจจัยภายนอกอื่นๆ ที่มีคาดมีผลต่อทิศทางตลาดหุ้น คือ ความเสี่ยงเชิงภูมิ รัฐศาสตร์ในฝั่งของตะวันออกกลางหลังสหรัฐทำการสังหารผู้บัญชาการกองกำลัง ติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน และนายกรัฐมนตรีอิสราเอล ได้ปฏิเสธ ข้อเสนอหยุดยิงของกลุ่มฮามาส พร้อมกับประกาศว่า อิสราเอลจะได้รับชัยชนะอย่าง เด็ดขาดจากการสู้รบในฉนวนกาซาภายในเวลาอีกไม่กี่เดือน ประเด็นดังกล่าวจึงทำให้ ความตึงเครียดในฝั่งตะวันออกกลางเพิ่มระดับขึ้น และหนุนราคาน้ำมันดิบ Brent วานนี้ ฟื้นตัวกว่า 3% อยู่ที่ระดับ 81.52 เหรียญฯ/บาร์เรล ดังนั้นจึงสร้าง Sentiment เชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มโรงกลั่นอย่าง PTT (BK:PTT) PTTEP TOP SPRC เป็นต้น

สรุป ภาคแรงงานสหรัฐฯยังดูดี ท่ามกลางความตึงเครียดตะวันออกกลาง หนุน น้ำมันดิบปรับตัวขึ้นต่อ ตามรายละเอียดข้างต้น คาดหนุนให้ SET Index แกว่งทรงตัว ในขาขึ้นช่วงสั้น โดยวันนี้คาดกรอบการเคลื่อนไหวของ SET Index ไว้ที่ระดับ 1385 - 1400 จุด

เศรษฐกิจจีนเสี่ยงฟื้นตัวช้า อาจสะเทือนถึงบ้านเรา

วานนี้มีรายงานเงินเฟ้อจีนเดือน ม.ค. 67 อยู่ที่ระดับ -0.8%YoY ติดลบสูงกว่าคาดที่ -0.5%YoY รวมถึงหดตัวต่อเนื่อง 4 เดือนติดต่อกัน และยังทำจุดต่ำสุดในรอบ 15 ปี นับตั้งแต่ช่วงหลังวิกฤติซับไพรม์ในปี 2552 โดยปัจจัยที่กดดันกหลักๆ มาจากราคา สินค้ากลุ่มอาหารที่ปรับตัวลดลง บวกกับการขยายตัวของภาคบริการชะลอตัวลง ซึ่ ข้อมูลดังกล่าวยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าเศรษฐกิจจีนอาจกำลังเผชิญภาวะเงินฝืด จาก การจับจ่ายใช้สอยที่ชะลอตัว และเสี่ยงกดดันให้เศรษฐกิจจีนเสี่ยงฟื้นตัวช้า ซึ่งผลที่ กระทบที่ตามมา มีโอกาสส่งผ่านมายังภาคการค้าระหว่างประเทศในบ้านเราได้เช่นกัน เฉพาะอย่างยิ่งภาคการส่งออก เนื่องจากจีนถือเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญอันดับ 1 ของ ไทย (ปี 2566) โดยอาจเห็นภาพของการขาดดุลการค้า ทำให้การการขยาตัว เศรษฐกิจไทยบ้านเราหวังพึ่งการเติบโตจากภาคการส่งออกได้ยากขึ้น

ภาคการส่งออกไทยที่มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบเชิงลบจากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวช้า ทำให้การกระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวต่อเนื่องมีทางเลือกน้อยลงเรื่อยๆ ซึ่งอาจ ต้องจำเป็นต้องพึ่งพิงภาค Consumption เป็นหลัก จึงยิ่งเป็นการบีบให้รัฐบาลเร่ง เดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ เฉพาะอย่างยิ่งโครงการ Digital Wallet โดย ในช่วงต้นสัปดาห์หน้ารอติดตามความคืบหน้ารายละเอียดเพิ่มเติมของโครงการฯ ใน การประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่

นี่คือโฆษณาของบุคคลที่สาม ไม่ใช่ข้อเสนอหรือคำแนะนำจาก Investing.com ดูการเปิดเผยข้อมูลที่นี่หรือ หรือลบโฆษณา

สรุป เศรษฐกิจจีนเสี่ยงฟื้นตัวช้าจากการใช้จ่ายที่ชะลอตัว อาจกระทบเชิงลงต่อภาค การส่งออกในบ้านเรา ทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยมีตัวเลือกน้อยลงเรื่อย และอาจเหลือเพียงทางเลือกเดียวคือภาค Consumption จึงยิ่งกดดันให้รัฐบาล จำเป็นต้องเร่งเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ เฉพาะอย่างยิ่งโครงการ Digital Wallet

ความกังวลเศรษฐกิจชะลอ เริ่มส่งผ่านมาที่ก้าไรและตลาดหุ้น

วานนี้ SET Index ยังไม่ยอมผ่าน 1400 จุด โดยลดลง -11.42 จุด มาอยู่ที่ 1388.60 จุด ส่วนระยะถัดไปประเมินว่ามูลค่าซื้อขายหุ้นไทยอาจจะเบาบางลงในช่วง 1 – 2 วัน เพราะตลาดหุ้นต่างชาติ 2 วันต่อจากนี้ตลาดหุ้นหลายประเทศ โดยเฉพาะในฝั่งเอเชีย หยุดซื้อขายหลายตลาด ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยพลอยขาดเม็ดเงินต่างชาติหนุนไป ด้วย

นอกจากนี้ความกังวลเศรษฐกิจชะลอ เริ่มส่งผ่านมาที่กำไรบริษัทจดทะเบียนในงวด 4Q66 สังเกตได้จากบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่มีการรายงานงบออกมา 17 บริษัท ต่ำกว่า Bloomberg คาดไปถึง 13 บริษัท และต่ำกว่าคาดค่อนข้างมาก อีกทั้งเวลาที่บริษัทจดทะเบียนกำไรต่ำคาด ราคาหุ้นมักจะลงต่อในช่วงระยะ 1 สัปดาห์ ถัดมา

ดังนั้นทั้งมูลค่าซื้อขายที่อาจเบาบางลงในช่วงเทศกาลตรุษจีน พร้อมกับแนวโน้มผล ประกอบการ 4Q66 ที่ทยอยประกาศออกมา แล้วส่วนใหญ่ต่ำกว่าคาด น่าจะรบกวน และลิมิต Upside ของ SET Index ในช่วงนี้ได้ แม้กำไร 2566 อาจถูกกดดันให้ลดลงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ แต่กำไรปี 2567 น่าจะมีโอกาสเติบโตได้ดีขึ้น ทั้งจากฐานที่ต่ำ และมุมมองนักเศรษฐศาสตร์ประเมิน GDP ปี 2567 เติบโต 2.5% - 4.4% ขณะเดียวกันฝ่ายวิจัยฯ คาดหวังกำไรบริษัทจด ทะเบียนปี 2567 มีโอกาสเติบโตได้ถึง 2 หลัก ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนแนะนำทยอย สะสมหุ้นพื้นฐานดี ESG Rating สูง ที่แนวโน้มกำไรปี 2567 เติบโตเด่น

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย