- สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง สู่ระดับแข็งค่าสุดในรอบ 5 เดือน ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ และโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ
-
รอลุ้น รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) และรอจับตา รายงานการประชุมเฟดล่าสุด
-
เงินดอลลาร์มีโอกาสแข็งค่าขึ้น หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ อาทิ ยอดการจ้างงานฯ ยังคงออกมาดีกว่าคาด และยังคงสะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง ทำให้ผู้เล่นในตลาดอาจต้องปรับลดความคาดหวังการลดดอกเบี้ยของเฟดลง ในส่วนของค่าเงินบาท การแข็งค่าจากสัปดาห์ก่อนอาจชะลอลงและเงินบาทมีโอกาสผันผวนอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้าน 34.50 บาทต่อดอลลาร์ หากผู้เล่นในตลาดต่างปรับลดความคาดหวังการลดดอกเบี้ยเฟด นอกจากนี้ ควรจับตาทิศทางราคาทองคำซึ่งอาจปรับตัวลดลงต่อเนื่อง หากตลาดกลับมามองว่า เฟดอาจไม่ได้ลดดอกเบี้ย “เร็วและลึก” ตามคาด ส่วนฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติก็อาจเป็นการขายสุทธิ หลังดัชนี SET ได้ปรับตัวขึ้นใกล้โซนแนวต้าน และบอนด์ยีลด์ไทยก็ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง เปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติทยอยขายทำกำไร
-
มองกรอบเงินบาทสัปดาห์นี้
34.00-34.60 บาท/ดอลลาร์ -
ฝั่งสหรัฐฯ – ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ทั้ง ยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (Job Openings), ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) และยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) โดยหากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด หรือ ยังสะท้อนภาพเศรษฐกิจที่สดใส ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดทยอยปรับลดความคาดหวังการลดดอกเบี้ยเฟดลง (ล่าสุดจาก CME FedWatch Tool ผู้เล่นในตลาดต่างเชื่อว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยลง 7 ครั้ง หรือ ราว -175bps ในปีนี้) ซึ่งอาจส่งผลให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นได้ไม่ยาก และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางดอกเบี้ยเฟด ผ่านรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ โดย ISM (Manufacturing & Services PMIs) ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ต่างประเมินว่า ดัชนี ISM PMI เดือนธันวาคม อาจยังคงสะท้อนภาพการขยายตัวต่อเนื่องของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคการบริการ (ดัชนีสูงกว่าระดับ 50 จุด) ขณะที่ภาคการผลิตของสหรัฐฯ อาจยังอยู่ในภาวะหดตัวได้ นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดอาจรอจับตารายงานการประชุมเฟดล่าสุด (FOMC Meeting Minutes) เพื่อประเมินความเป็นไปได้ของการลดดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ โดยผู้เล่นในตลาดอาจทยอยปรับลดความคาดหวังการลดดอกเบี้ยของเฟดได้ หากรายงานการประชุมเฟด ยังคงสะท้อนแนวโน้มการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงของเฟด (Higher for Longer) จนกว่าเฟดจะมั่นใจว่า สามารถคุมปัญหาเงินเฟ้อได้สำเร็จ
-
ฝั่งยุโรป – บรรดาผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของยูโรโซน ในเดือนธันวาคม โดยหากอัตราเงินเฟ้อ โดยเฉพาะอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI ชะลอตัวลงต่อเนื่องสู่ระดับ 3.40% ตามคาด หรือ ต่ำกว่า ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างยังคงคาดหวังว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะสามารถทยอยลดดอกเบี้ยลงในปีนี้ ทั้งนี้ มุมมองดังกล่าวของผู้เล่นในตลาดอาจกดดันไม่ให้เงินยูโร (EUR) แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดอาจเริ่มปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ย “เร็วและลึก” ของเฟด
-
ฝั่งไทย – เราประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อ CPI เดือนธันวาคม อาจชะลอลงต่อเนื่องสู่ระดับ -0.5% ตามการปรับตัวลดลงของราคาพลังงานและระดับฐานราคาสินค้ารวมถึงบริการที่อยู่ในระดับสูงในปีก่อนหน้า อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานก็อาจยังคงแกว่งตัวที่ระดับ 0.60% ทำให้อัตราเงินเฟ้อ “ติดลบ” ดังกล่าว จะยังไม่สร้างความกังวลให้กับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยเราคาดว่า อัตราเงินเฟ้อจะทยอยปรับตัวสูงขึ้น ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ดีขึ้นในปีนี้ ทำให้ ธปท. สามารถคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2.50% ได้ตลอดทั้งปี แม้ว่า บรรดาธนาคารกลางอื่นๆ อาจเริ่มทยอยลดดอกเบี้ยลงก็ตาม
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก