ระยะสั้นผันผวน ส่วนกลาง-ยาว ดูดี 

เผยแพร่ 06/12/2566 09:19
อัพเดท 09/07/2566 17:32
SETI
-

BOND YIELD ที่ปรับลดลงต่อเนื่อง ทั้งในสหรัฐ และ บ้านเรา ขณะที่ FED WATCH TOOL ล่าสุด 99.9% คาด FED คงดอกเบี้ยในการประชุมรอบเดือน ธ.ค. และ ในปี 2567 คาดปรับลดดอกเบี้ยกว่า 1% ภาพดังกล่าวสะทั้อนวัฎจักร ดอกเบี้ยขาลง ส่วนในบ้านเรา ก็เชื่อว่าจะเห็นการปรับลดดอกเบี้ยลงในปี 2567 เช่นกัน ส่วนความกังวลว่า มาตรการลดค่าครองชีพหลายตัวตามนโยบายรัฐ จะ หมดอาจยุช่วงสิ้นปี 2566 และ ต้นปี 2567 อาจเป็นแรงหนุนให้อัตราเงินเฟ้อ สูงขึ้น เราได้ลองทำภาพจำลอง โดยกำหนดให้ CPI ปรับขึ้นไปเหมือนกับช่วงที่ไม่มี มาตรการหนุน และราคาน้ำมันสูงกว่าปัจจุบัน พบว่า อัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในช่วง 0.33 – 1.14% ซึ่งจะไม่ทำให้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่คาดไว้เปลี่ยนแปลง ภาพ ดังกล่าวถือว่าดีต่อตลาดหุ้นในระยะกลาง - ยาว ส่วนระยะสั้นด้วยมูลค่าการซื้อ ขายที่เบาบาง และ ปัจจัยแวดล้อทางพื้นฐานที่ไม่เปลี่ยนแปลงมาก คาด SET INDEX อยู่ในกรอบแคบ

ช่วงที่มีวันหยุดต่อเนื่องหลายช่วง คาดมูลค่าการซื้อขายเบาบาง ซึ่งน่าจะทำ ให้SET INDEX วันนี้ ผันผวนอยู่ในกรอบแคบ ประเมินกรอบ 1375 – 1390 จุด สำหรับ หุ้น TOP PICK วันนี้เลือก BEM, CRC และ SIRI

แรงกระตุ้นเงินเฟ้อเริ่มหมด...ค่อยๆ กดแบงค์ชาติให้ใช้นโยบาย การเงินแบบผ่อนคลาย

ภาวะเงินเฟ้อชะลอตัวจากแรงกระตุ้นที่ค่อยๆ หมดลง ช่วยหนุนให้ธนาคารกลางทั่วโลก หันมาใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากขึ้น

เริ่มจากสหรัฐฯ ที่เงินเฟ้อยังมีแนวโน้มปรับตัวลดลงได้อีก หลังภาคแรงงานสหรัฐที่ ค่อยๆ ส่งสัญญาณอ่อนแอลง โดยล่าสุดมีรายงานตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่ในสหรัฐ เดือน ต.ค. อยู่ที่ 8.7 ล้านตำแหน่ง ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีสะท้อนความต้องการ จ้างงานที่ลดลง (DEMAND) ปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนให้ FED มีโอกาสจบรอบ ดอกเบี้ยขาขึ้นแล้ว สะท้อนจาก BOND YIELD สหรัฐฯ 10 ปีร่วงลงเร็วใกล้หลุด 4% ขณะที่ FED WATCH TOOL คาดดอกเบี้ยปีหน้า ลด 1.25% เหลือ 4.25%

ขณะที่จีน ยังเผชิญกับปัญหาตลาดอสังหาริมทรัพย์ จึงกดดันกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ชะลอตัวและเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ อีกทั้งล่าสุด MOODY’S ปรับอันดับความน่าเชื่อถือ ของรัฐบาลจีนจากมีเสถียรภาพ (STABLE) ลดลงสู่เชิงลบ (NEGATIVE) เนื่องจากการ ขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอลงในระยะกลาง และกังวลในการสนับสนุนด้านการเงิน ให้กับรัฐบาลท้องถิ่นและบริษัทของรัฐที่มีปัญหาด้านหนี้สินรวมถึงมีความเสี่ยง ทางด้านการคลัง หลังรัฐบาลจีนเพิ่มงบประมาณขาดดุลเป็น 3.8% ของ GDP ซึ่งมาก สุดในรอบ 30 ปีซึ่งปัจจัยเหล่านี้ เชื่อว่าจะยังช่วยหนุนให้ PBOC ใช้นโยบายการเงินแบบ ผ่อนคลายต่อไปเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจีนให้ฟื้นตัว

ในส่วนของไทย เงินเฟ้อยังแนวโน้มเงินเฟ้อไทยยังอยู่ในระดับต่ำ แม้ไม่มีมาตรการลดค่า ครองชีพที่จะสิ้นสุดในช่วงต้นปี 2567 ภายใต้สมมติฐานดัชนีเงินเฟ้อไทยอยู่ที่ 108.4 จุด เทียบเท่ากับเดือน ส.ค. 66 ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่จะมีมาตรการลดค่าครองชีพ ทำให้เงิน เฟ้อในปีหน้าสูงสุดจะอยู่ที่ราว 1.1%YOY ในเดือน พ.ค. ซึ่งน่าจะเป็นแรงหนุนให้ กนง. ใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากขึ้นเช่นกัน

สรุป เงินเฟ้อที่ชะลอตัวเป็นแรงกระตุ้นให้ธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลก เริ่มกลับมา พิจารณาใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้เม็ดเงินไหลเข้าสู่ สินทรัพย์เสี่ยงสูงขึ้นในระยะถัดไปได้

เม็ดเงินกระตุ้น SET INDEX น้อยเหลือเกิน แต่นับจากนี้คาด มีแนงหนุนมากขึ้น

ตั้งแต่ต้นปี SET INDEX ปรับตัวลง 17.3%(YTD) ซึ่งมีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 5.2 หมื่นล้านบาท(TURNOVER 67%) ลดลง 28% จากปีก่อนที่มีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ย ต่อวันยู่ที่ 7.6 หมื่นล้านบาทเนื่องจากสภาพคล่องที่ทยอยหายไปจาก SET INDEX ในช่วงการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง, เกิดสงครามอิสราเอล - ฮามาส บวกกับดอกเบี้ย นโยบายไทยที่กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2565 จนอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อยู่ระดับ 2.50% (สูงสุดในรอบ 10 ปี) และยังมีกองทุนรวมประหยัดภาษี (SSF), กองทุน รวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ซึ่งไม่ได้มีนโยบายลงทุนหุ้นไทยเพียงอย่างเดียวโดยมูลค่า ซื้อขายเฉลี่ยต่อวันล่าสุดอยู่ที่3.5 หมื่นล้านบาท คิดเป็น TURNOVER ระดับ 51% ซึ่ง สถิติในอดีตบ่งชี้ว่า SET INDEX จะปรับตัวขึ้นได้ดีในช่วงที่มีสภาพคล่องสูง TURNOVER ระดับ 70% -80%

ขณะที่ช่วงเวลานับจากนี้ มูลค่าซื้อขายต่อวันมีโอกาสกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง หลังการ ฟื้นตัวของเศรษฐกิจ กำไรของบริษัทจดทะเบียน และ VALUATION ของตลาดหุ้นไทยที่ มีความน่าสนใจมากขึ้นทั้งในมุมของอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) ต่ำระดับ - 1.5SD และอัตราส่วนราคาหุ้น ต่อมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น (P/BV) ที่มีค่าต่ำระดับ – 2SD และมีเม็ดเงินจากกองทุน TESG FUND เข้ามาเต็มปี จึงคาดหวังมีโอกาสที่มูลค่า ซื้อขายเฉลี่ยต่อวันจะกลับไประดับ 5-6 หมื่นล้านบาทต่อวัน (TURNOVER ระดับ 70- 80%)

สรุป มูลค่าซื้อขายต่อวันที่หายไป ทำให้ SET INDEX ปรับตัวขึ้นได้ยากตั้งแต่ต้นปี แต่ นับจากนี้มีความคาดหวังทั้งในมุมของเศรษฐกิจ กำไร บล. และVALUATION SET ที่ น่าสนใจ ทำให้มีโอกาสสูงที่มูลค่าซื้อขายต่อวันจะกลับมาสู่ระดับ 5-6 หมื่นล้านบาทอีก ครั้ง โดยวันนี้มองกรอบการเคลื่อนไหวของ SET INDEX ระดับ 1375-1390 จุด

กองทุน THAI ESG FUND น่าจะเป็นพระเอก ช่วยผลักดัน SET INDEX ในช่วงที่เหลือของป

วันจันทร์ที่ผ่านมา กลต. ออกเกณฑ์รองรับและได้รับคำขออนุมัติจัดตั้งกองทุนรวม ไทยเพื่อความยั่งยืน (THAILAND ESG FUND) จำนวน 22 กองทุน จาก บลจ. 16 แห่ง และสมาชิกประสงค์จะเสนอขายพร้อมกันในวันที่ 8 ธ.ค. 66

ประเด็นดังกล่าว ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินว่า จะมีเม็ดเงินใหม่เริ่มเข้ามา 1 –2 หมื่นล้านบาท หนุนตลาดฯ ให้ OUTPERFORM ในช่วงวันที่ 8 ธ.ค. 66 และเม็ดเงินจะเข้ามาชัดๆ ใน สัปดาห์หน้าจนถึงสิ้นปี ซึ่งมีรายละเอียดสำคัญๆ ดังนี้

• คาดหวังสถาบันฯ ซื้อสุทธิหุ้นไทยในเดือน ธ.ค. นี้ 1 – 2 หมื่นล้านบาท สะท้อนได้จากสถิติในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา สถาบันฯ ซื้อสุทธิหุ้นไทยมากสุดใน เดือน ธ.ค. เฉลี่ยกว่า 1.06 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะเดือน ธ.ค. ปีที่กองทุน LTF ยังสามารถให้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ (ปี 2013 –2019) สถาบันฯ ซื้อสุทธิ หุ้นไทยในเดือน ธ.ค. เฉลี่ยสูงถึง 2 หมื่นล้านบาท

• เวลามีเม็ดเงินจากกองทุนใหม่เข้ามาในตลาด มักหนุนให้ SET ช่วงนั้นปรับตัว ขึ้นได้ดีซึ่งเปรียบเทียบสถานะการณ์ เวลามีเม็ดเงินใหม่จากกองทุน TRIGGER FUND เข้ามาในตลาดเยอะๆ อย่าง ในช่วงท้ายเดือน มี.ค.66(9 วันทำการ) สถาบันฯ ซื้อสุทธิหุ้นไทย 1.1 หมื่นล้านบาท หนุน SET ขึ้น 3.5% และช่วงต้นเดือน พ.ค. 66 (6 วันทำการ) สถาบันฯ ซื้อ 1.6 หมื่นล้านบาท หุ้น ขึ้น 2.2%

ฝ่ายวิจัยฯ จึงทำการคัดกรองหาหุ้นที่จะได้เม็ดเงินใหม่จากกองทุน THAILAND ESG FUND หนุน จาก 20 หุ้นใหญ่สุดที่มี ESG SCORE สูงระดับ AA, AAA

โดยชื่นชอบ EA, SCGP, CPALL (BK:CPALL), PTTGC, PTTEP, GULF, CRC, SCC, BDMS, CPN, PTT (BK:PTT), ADVANC

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย