Busy week
• SET: คาดสัปดาห์นี้ SET Index แกว่งตัวในกรอบ 1380-1420 จุด โดยปัจจัย ต่างประเทศที่น่าจับตาได้แก่การไต่ระดับขึ้นของ Bond yield สหรัฐฯจากฐานต่ํา ว่า จะดําเนินไปอย่างต่อเนื่องหรือไม่ อย่างไรก็ตาม สัญญาณที่ดีในตลาดโลกได้แก่ VIX Index ที่ปรับตัวลงสู่ระดับต่ําสุดนับตั้งแต่ปี 2020 หันมาดูในฝั่งบ้านเรา คาดว่า นักลงทุนส่วนใหญ่อาจจะยังอยู่ในโหมด Wait & See ตราบใดที่ความเชื่อมั่นที่มีต่อ ตลาดหุ้นไทยนั้นยังคงอยุ่ในระดับต่า วัดจากมูลค่าการซื้อขายที่เฉลี่ยต่อวันอยู่ เพียงไม่ถึง 4 หมื่นล้านบาทต่อวัน ทั้งนี้ แนะจับตาการประชุมร่วมระหว่างกลต. และ ว่าจะมีความคืบหน้าเกี่ยวกับการกํากับดูแล สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ในวันนี้ ธุรกรรม Short selling อย่างใดหรือไม่
• Strategy: ประเมินหากมูลค่าการซื้อขายโดยรวมยังคงอยู่ต่ํากว่าระดับ 5 หมื่น ล้านบาทเช่นนี้ คาดดัชนี SET มีโอกาสอยู่ในโหมดของการย่ําฐานต่อไป ในเชิงกล ยุทธ์ แนะถือครองหุ้นในส่วนเดิมต่อไป โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีก ซึ่งเรายังคงให้เป็น Top pick ต่อไปเช่นเดิม
• Factors: สําหรับปัจจัยที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่
1) ความคืบหน้าของโรคปอดอักเสบ รวมถึงปัญหา Shadow banking ในจีน หลัง เกิดกรณีใกล้ล้มละลายของ Zhongzhi Enterprise Group
2) รายงานตัวเลขส่งออก-นําเข้าของไทยประจําเดือนต.ค. ในวันที่ 27 พ.ย. ล่าสุด ตลาดคาดการณ์ขยายตัว 9.0% และ 6.1% ตามลําดับ พร้อมกับดุลการค้าที่ น่าจะเกินดุลราว 530 ล้านเหรียญฯ
3) การแถลงแนวทางการแก้หนี้นอกระบบในวัที่ 28 พ.ย. ซึ่งท่านนายกฯให้ ความสําคัญเป็นวาระแห่งชาติและเป็นการแก้ไขอย่างบูรณาการ
4) การประชุมครม.ในวันที่ 28 พ.ย.ที่คาดว่าจะมีวาระพิจารณามาตรการ e-Refund ช้อปดีมีคืนเพื่อลดหย่อนภาษีวงเงิน 5 หมื่นบาทในช่วง 46 วันแรกของปีหน้า หากมีการอนุมติเห็นชอบ คาดพอจะเป็น Sentiment เชิงบวกต่อกลุ่มค้าปลีกในสัปดาห์นี้ได้บ้าง
5) การประชุมกนง. ในวันที่ 29 พ.ย. ซึ่งเราคาดว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเชิง นโยบายแต่อย่างใด แต่แนะนําให้ติดตามประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจรอบ ใหม่ที่จะออกมา โดยเฉพาะในฝั่งการบริโภคและการท่องเที่ยว
6) รายงานตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยเดือนต.ค.ในวันที่ 30 พ.ย.
7) รายงานตัวเลข PMI ภาคการผลิตของประเทศสําคัญทั่วโลกประจําเดือนพ.ย. ในช่วงปลายเดือนต่อต้นเดือนหน้า
8) การประชุมของกลุ่ม OPEC+ ในวันที่ 30 พ.ย. ซึ่งจะมีการตกลงกันเกี่ยวกับ ปริมาณการผลิตประจําปี 2024 ประเมินเป็นปัจจัยสําคัญกําหนดทิศทางราคา นํามันดิบระยะสั้นได้
9) การปรับตะกร้าหุ้นของดัชนี MSCI ในช่วงท้ายตลาดของวันที่ 30 พ.ย. ประเมินพอผ่านพ้นวันนี้ไปแล้ว แรงกดดันที่มีต่อหุ้นที่ถูกนําออกจาก ดัชนี Standard Index จะหมดลงไปได้ อย่างเช่นตัวของ BGRIM, EGCO, RATCH นอกจากนั้น แนะจับตาวอลุ่มการซื้อขายของหุ้น DELTA ในวันดังกล่าว ว่าจะช่วยผลักดันทําให้ระดับ Turnover ratio ของเดือนนี้ขึ้นมายืนเหนือระดับ 2% เพื่อที่ตัวหุ้นจะสามารถดํารงอยู่ต่อ ในดัชนี SET50 และ SET100 ได้หรือไม่
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities