Economic Highlight
ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยเฉพาะถ้อยแถลงประธานเฟดในงานสัมมนาวิชาการประจำปีของเฟดที่ Jackson Hole นอกจากนี้ ควรจับตาสถานการณ์การเมืองไทย อย่างใกล้ชิด
**ราคาทองคำ = สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.
FX Highlight
- สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ตามการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังผู้เล่นในตลาดเพิ่มโอกาสเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยและโอกาสเฟดคงดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นาน นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังคงได้แรงหนุนจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงตลาดการเงินผันผวน
- เงินดอลลาร์อาจยังไม่กลับมาอ่อนค่าลงชัดเจน ตราบใดที่ตลาดการเงินยังคงอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off)
- นอกจากนี้ หากตลาดยังคงเพิ่มโอกาสเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ หรือคงดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นานขึ้น (จาก CME FedWatch Tool ล่าสุด ตลาดให้โอกาส 36% เฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อ และให้โอกาส 65% ที่เฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยในเดือนพฤษภาคม 2024) อาจหนุนให้ทั้งบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ และเงินดอลลาร์ปรับตัวขึ้นต่อได้
- ในส่วนค่าเงินบาท แม้การจัดตั้งรัฐบาลผสมจะมีความชัดเจนมากขึ้น อีกทั้งนักลงทุนต่างชาติก็เริ่มชะลอการขายสินทรัพย์ไทยโดยเฉพาะหุ้นไทย แต่สถานการณ์การเมืองของไทยยังมีความไม่แน่นอนอยู่ ทำให้ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติยังมีความผันผวนสูง ส่งผลต่อเนื่องให้เงินบาทแกว่งตัวในกรอบกว้างได้
- โดยเรามองว่า ต้องจับตาการโหวตเลือกนายกฯ ในวันที่ 22 สิงหาคม นี้อย่างใกล้ชิด หากการเลือกนายกฯ และการจัดตั้งรัฐบาลเสร็จสิ้นอย่างราบรื่น ก็อาจหนุนให้นักลงทุนต่างชาติทยอยกลับเข้าซื้อสินทรัพย์ไทยมากขึ้น
- แต่หากสถานการณ์การเมืองไทยกลับวุ่นวายมากขึ้น เงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าลงต่อ ตามแรงขายสินทรัพย์ไทยของนักลงทุนต่างชาติ
- อีกปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อทิศทางค่าเงินบาท คือ โฟลว์ธุรกรรมทองคำ ซึ่งต้องรอลุ้นว่า ราคาทองคำจะสามารถรีบาวด์ขึ้นได้หรือไม่ หลังราคาทองคำปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องใกล้โซนแนวรับสำคัญ
- ส่วนโฟลว์ธุรกรรมในช่วงนี้ เรายังคงเห็นแรงขายเงินดอลลาร์ของบรรดาผู้ส่งออกในจังหวะเงินบาทอ่อนค่าลง (Sell on Rally) ส่วนผู้เล่นต่างชาติที่มีมุมมองเชิงบวกต่อค่าเงินบาท ต่างก็รอทยอยเพิ่มสถานะ Long ทำให้เรามองว่า เงินบาทอาจติดอยู่ในโซนแนวต้าน 35.50 บาทต่อดอลลาร์ และมีโซน 35.75 บาทต่อดอลลาร์ เป็นแนวต้านถัดไป
- หากเงินบาททยอยแข็งค่าขึ้น เรามองว่า การแข็งค่าก็มีลักษณะค่อยเป็นค่อยไป โดยผู้นำเข้าบางส่วนต่างรอจังหวะทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์ ทำให้เงินบาทอาจยังแกว่งตัวเหนือโซนแนวต้าน 35.20 บาทต่อดอลลาร์ได้ และมีโซน 35.00 บาทต่อดอลลาร์ เป็นแนวรับสำคัญถัดไป
- ในเชิงเทคนิคัล หลังจากที่เงินบาทอ่อนค่าลงต่อเนื่องในสัปดาห์ก่อนหน้า สัญญาณจากทั้ง RSI และ MACD (Time Frame รายวัน) ต่างชี้ว่า เงินบาทมีโอกาสแกว่งตัว sideway หรือ sideway down (ทยอยแข็งค่า) ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวก็สอดคล้องกับการเกิด Evening star pattern ขึ้น
- นอกจากนี้ ในส่วนของ Time Frame ที่สั้นลง เช่น H4 และ H1 สัญญาณจากทั้ง RSI และ MACD ชี้ว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทเริ่มแผ่วลง และมีโอกาสที่เงินบาทจะผันผวน sideway หรือ sideway down (ทยอยแข็งค่า)
Gold Highlight
- ราคาทองคำยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่อง สวนทางกับที่เราประเมินไว้ โดยปัจจัยกดดันราคาทองคำยังคงเป็นการปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ
- สัปดาห์นี้ จับตารายงานดัชนี PMI ของบรรดาเศรษฐกิจหลักและไฮไลท์สำคัญ อย่าง ถ้อยแถลงของประธานเฟดจากงานสัมมนาวิชาการ Jackson Hole Symposium รวมถึงรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด
- เราประเมินว่า ราคาทองคำอาจยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ชัดเจน จนกว่าตลาดจะกลับมาเชื่อว่าเฟดได้จบรอบการขึ้นดอกเบี้ยไปแล้วอีกครั้ง หรือตลาดคลายกังวลแนวโน้มการออกพันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐฯ ซึ่งอาจต้องเห็นการทยอยปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ
- ราคาทองคำพร้อมรีบาวด์ขึ้น ในกรณีที่เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวลง โดยมีโซนแนวต้านแถว 1,940 ดอลลาร์ต่อออนซ์
- อนึ่ง การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ อาจเป็นไปอย่างจำกัด แม้ว่า ตลาดจะคลายกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของเฟด เนื่องจากมุมมองดังกล่าวก็อาจยังช่วยหนุนให้ตลาดอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น ซึ่งก็อาจกดดันการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำได้
- ในเชิงเทคนิคัล สัญญาณจาก RSI และ MACD (Time Frame รายวัน) ยังคงชี้ว่า ราคาทองคำอาจแกว่งตัวในกรอบ หรือมีโอกาสย่อตัวลงบ้าง แต่เริ่มมีสัญญาณที่ราคาทองคำอาจทยอยรีบาวด์ขึ้นได้ นอกจากนี้ หากพิจารณา Time Frame ที่สั้นลง อย่าง H4 และ H1 จะเริ่มเห็นสัญญาณว่า โมเมนตัมการปรับตัวลดลงอาจเริ่มแผ่วลง เพิ่มโอกาสที่ราคาทองคำอาจรีบาวด์ขึ้นได้บ้าง หรือก็อาจแกว่งตัว sideway ต่อ
- เราคงเป้าราคาทองคำไว้ที่ 2,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้เรายังคงมองว่า ผู้เล่นในตลาดอาจรอจังหวะราคาทองคำปรับฐานในการทยอยเข้าซื้อได้