A wild week
• SET: คาด SET Index แกว่งตัวผันผวนในสัปดาห์นี้ ตามปัจจัยทั้งภายในและ ภายนอกที่สามารถส่งอิทธิพลมายังการเคลื่อนไหวของดัชนีได้ทั้ง 2 หน้า
• Strategy: แนะกลยุทธ์ Wait & See ไปก่อนที่ระดับดัชนี SET ปัจจุบัน เนื่องจากยังไม่มี Margin of safety มากนัก มองอีกกลยุทธ์หนึ่งที่น่าสนใจจาก การที่มองว่าตลาดจะผันผวนมากขึ้นได้แก่ การใช้กลยุทธ์ Long Straddle/Strangle เข้าช่วย เพื่อเปิด Upside ของพอร์ตทั้งกรณี Downside ua: Upside
• Positives: สําหรับปัจจัยที่อาจเป็นตัวผลักดัน SET ในสัปดาห์นี้ ได้แก่
1) ราคาน้ํามันดิบที่ปรับสูงขึ้นช่วงปลายสัปดาห์ก่อน หลังเริ่มสะท้อนการปรับ ลดการผลิตน้ามันโดยสมัครใจของซาอุฯ 1 ล้านบาร์เรลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. มองปัจจัยดังกล่าวเป็น Sentiment เชิงบวกต่อกลุ่ม Oil & Gas ของไทย ในช่วงต้นสัปดาห์นี้ ในระยะสั้นได้
2) การหลุดออกจาก Trading alert list ของหุ้น DELTA ในวันที่ 11 กรกฎาคม ซึ่งอาจน่ามาสู่ความผันผวนของดัชนีหุ้นไทยที่เพิ่มขึ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะดัชนีหุ้นขนาดใหญ่อย่าง SET50 รวมถึงตราสารอ้างอิงอย่าง Index futures ทั้งนี้ หากการหลุดออกจากบัญชีดังกล่าวนํามาสู่การเก็ง กําไรตัวหีนทีเพิ่มสูงขึ้น มองอาจเป็นปัจจัยผลักดันราคาหุ้นรวมถึงตัวดัชนี
3) การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีของไทยในวันที่ 13 ก.ค. หากผ่านพ้นไป ด้วยดีตั้งแต่รอบแรก และได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์นี้ มองว่าจะเป็น Sentiment เชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทยได้ จากความคาดหวังการจัดตั้ง รัฐบาลและการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รวดเร็ว
• Negatives: สําหรับปัจจัยที่อาจเป็นตัวกดดัน SET ในสัปดาห์นี้ ได้แก่
1) การ Preview ผลประกอบการไตรมาส 2/66 ของบริษัทจดทะเบียนในไทย ที่หากออกมาอ่อนแอต่อเนื่อง จะน่ามาสู่ระลอกของการปรับลดคาดการณ์ EPS ของ SET Index ทั้งในส่วนของปีนี้และปีหน้า รวมถึงมูลค่าที่แพงขึ้น ของ SET Index โดยอัตโนมัติ
2) การออกมาให้ความเห็นของกรรมการ FOMC คนสําคัญที่มีสิทธิ์โหวตในปี นี้อย่างนาย Michael Barr (10 ก.ค.) นาย Neel Kashakari (12 ก.ค.) และนาย Christopher Waller (14 ก.ค.) ซึ่งหากมีการส่งสัญญาณชัดเจน ขึ้นว่า Fed มีแนวโน้มจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค.นี้ จะทําให้ตลาดมีการเดินหน้า Price in ความเป็นไปได้ดังกล่าวมากขึ้นได้ จากปัจจุบันที 92% ส่งผลให้ Bond yield สหรัฐฯมีโอกาสทรงตัวสูงต่อใน ระยะสั้น เป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นในมิติของ Yield gap ที่ลดลง
3) เราไม่ได้เป็นกังวลใจมากนัก หากการโหวตเลือกนายกฯของไทยในวันที่ 13 ก.ค.ยังไม่ได้ข้อสรุป เนื่องจากประเมินว่าตลาดได้มีการเตรียมตัวต่อ ความยืดเยื้อไปยังการลงมติวันที่ 19 และ 20 ก.ค. ไว้บ้างแล้ว แต่สิ่งที่เรา กังวลมากกว่าคือเหตุการณ์นอกสภา ได้แก่ความเป็นไปได้ที่กกต.อาจมีมติ ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีถือหุ้นไอทีวีของคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ซึ่ง หากศาลฯรับวินิจฉัยและมีค่าสั่งให้คุณพิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ไว้ จนกว่าจะมีค่าวินิจฉัย ย่อมมีผลต่อการโหวตสนับสนุนคุณพิธาเป็นนายกฯ ในสัปดาห์นี้ได้ทันที มองกรณีดังกล่าวเป็น Tail risk ที่สําคัญ เนื่องจาก หากมีความไม่แน่นอนสูงขึ้นจนน่ามาสู่ความวุ่นวายนอกสภา จะส่งผลให้ Country risk premium ปรับตัวสูงขึ้นได้
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities