Overweight Thailand at 1450-1460
• SET: แม้ว่า Sentiment แวดล้อมของตลาดหุ้นไทยอาจยังไม่สู้ดีนัก ไม่ว่า จะเป็นเรื่องของ Fund flow สภาพคล่อง หรือว่าการเมือง แต่เราเชื่อว่าพอ ดัชนีปรับลงถึงจุดๆหนึ่งปัจจัยด้าน Valuation จะเริ่มเข้ามามีบทบาทและมี น้าหนักต่อความคิดนักลงทุน ซึ่งเราคิดว่าใกล้จะถึง Period ดังกล่าวแล้ว โดยเฉพาะหากดัชนี SET ปรับลงไปถึงบริเวณแนวรับสําคัญของเราที่ 1450-1460 จุด ซึ่งในวันนี้เรามายืนยันระดับแนวรับดังกล่าวอีกครั้งว่าเป็น โซนที่เหมาะสมในการเริ่มต้น Overweight หุ้นไทยได้
• PBV: วิธีแรกที่เราใช้ยังคงได้แก่วิธี Trough PBV ซึ่งเป็นวิธีการใช้ค่าเฉลี่ย PBV ของ SET Index ในแต่ละรอบที่ดัชนีลงไปทําจุดต่ําสุดนับตั้งแต่ปี 2006 เป็นต้นมา ซึ่งจากการคํานวณพบว่าอยู่ที่ 1.39x เมื่อนําตัวเลข ดังกล่าวมาคูณกับ Book-value-per-share ของ SET Index ปีนี้ ที่ Consensus คาดการณ์ล่าสุดอยู่ที่ 1051.08 บาท จะได้ระดับ SET ที่น่าสนใจอยู่ที่ 1460 จุด
• EYG: วิธีที่สองได้แก่วิธี Earning yield gap (EYG) ซึ่ง ณ ปัจจุบันต้อง ยอมรับว่ายังคงอยู่ต่ํากว่าค่าเฉลี่ยอยู่ อิงสมมติฐานประมาณการ EPS ปีหน้า ของ Consensus ที่ 105.21 บาท และระดับ Bond yield สหรัฐฯ 10 ปีที่ 3.72% ซึ่งเป็นระดับปัจจุบัน เพียงแต่ว่าหากเราจะคิดกลับหาระดับดัชนีที่ จะทําให้ค่า EYG นี้ปรับขึ้นกลับเข้าสู่ค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง จะได้ว่าระดับ ดัชนี SET ที่น่าสนใจจะอยู่ที่ 1449 จุด
• Strategy: จากทั้ง 2 วิธี Valuation ข้างต้นยืนยันมุมมองของเราต่อ บริเวณแนวรับสําคัญของ SET Index ที่บริเวณ 1450-1460 จุด เช่นเดิม แนะนักลงทุนใช้บริเวณดังกล่าวในการเพิ่มน้ําหนักหุ้นไทย (Overweight) ได้ หลังจากที่ชะลอการลงทุนมานานและได้แต่ เพียงการ Selective buy เป็นรายหุ้นในช่วงที่ผ่านมา
• Powell: นาย Jerome Powell ประธาน Fed ได้ออกมากล่าวในงานเสวนา ที่ยุโรปเมื่อวานนี้ว่า เขาไม่ปิดประตูที่ Fed อาจจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย นโยบายแบบติดกันสําหรับการประชุมที่เหลืออยู่ 4 ครั้งในปีนี้ อย่างไรก็ดี Reaction ของตลาดที่ออกมาเมื่อคืนนี้ถือว่าน่าสนใจ โดยที่ Bond yield ระยะสั้นไม่ได้มีการปรับขึ้นแต่อย่างใด พร้อมทั้งหากดู Fed Funds futures จะพบว่า นักลงทุนได้ให้น้ําหนักการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม Fed รอบ หน้าวันที่ 25-26 ก.ค. ขึ้นมาอยู่ที่ 82% แล้ว เรามองเป็นสัญญาณที่ดี เนื่องจากดูเหมือนนักลงทุนจะเริ่มเตรียมตัวสําหรับการขึ้นดอกเบี้ยในครั้งนี้ มากขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อสินทรัพย์เสี่ยงในช่วงถัดไป ในแง่ที่โอกาส ของการเกิด Negative surprise จากการประชุมดังกล่าวจะลดน้อยลง ตามล่าดับ
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities