ปัจจัยแวดล้อมทางพื้นฐานเช้านี้มีน้ำหนักไปทางบวก เริ่มจากราคาน้ำมันที่ดีดตัว กลับชึ้นมาราว 3% ช่วยหนุนราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจ สหรัฐ และ ยุโรป ส่งสัญญาณที่ดีขึ้น ส่วนในบ้านเรามีแรงขับเคลื่อนจากตัวเลข นักท่องเที่ยว องค์ประกอบดังกล่าว น่าจะทำให้ SET Index มีโอกาสที่จะ Rebound กลับขึ้นมาได้ แต่ก็เชื่อว่า Upside น่าจะจำกัด เหตุเพราะ Fund flow ยังคงไหลออกต่อเนื่องโดยรอบ 18 วันทำการที่ผ่านมา ขายสุทธิออกไปกว่า 4 หมี่น ล้านบาท และ Ytd ขายสุทธิราว 1 แสนล้านบาท ทั้งนี้ยังมองไม่เห็นสัญญาณการ กลับตัวของ Fund Flow ทั้งนี้เชื่อว่าตัวแปรหลักที่อาจจะช่วยดึง Fund flow ให้ กลับมาน่าจะเป็นการเมืองในประเทศ ซึ่งหากการเปลี่ยนผ่านเกิดขึ้นได้ราบรื่นก็จะ เป็นผลดี อีกหนึ่งตัวแปรได้แก่ Valuation ของตลาดหุ้นบ้านเราที่ยังน่าสนใจ
แม้จะมีปัจจัยบวกหนุนทำให้ SET Index วันนี้สามารถดีดตัวขึ้นไปได้ แต่แรงกดดัน จาก Fund Flow ที่ไหลออก ก็น่าจะทำให้Upside จำกัด วันนี้ประเมินแนวต้าน 1530 จุด แนวรับ 1510 – 1520 จุด Top Pick เลือก KTB, MAJOR และ PTTEP
ECB ยังมีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยสวนทาง FED หนุนดอลลาร์อ่อนค่า
อัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ค. +6.1%YoY และยังต่ำกว่าตลาดคาดที่ 6.3% ชะลอตัวลงจาก เดือนก่อนที่ +7.0%YoY รวมถึงอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือน หลักๆ ปรับตัวลดลง ตามราคาพลังงาน (ฝั่ง Supply) ส่วน Core CPI ปรับตัวลดลงต่อเนื่องสู่ระดับ +5.3%YoY และต่ำกว่าตลาดคาดเช่นกันที่ 5.5%YoY
อย่างไรก็ตาม เงินเฟ้อยุโรปยังถือว่าอยู่ในระดับสูง ซึ่งมาจากกลุ่มอาหารเป็นหลัก (ฝั่ง Demand) และยังห่างไกลกับกรอบเป้าหมายที่ 2% จึงมีโอกาสที่ ECB จะขึ้นดอกเบี้ยอีก ราว 1-2 ครั้ง
ขณะที่สหรัฐฯ มีสัญญาณการคงดอกเบี้ยไว้ 5.25% ในการประชุม Fed วันที่ 14 มิ.ย.นี้ โดย Fed Watch Tool ให้นำหนักสูงถึง 79.6% (จากวันก่อนหน้า 28%) หลังผู้ว่าการ Fed (นายฟิลิป เจฟเฟอร์สัน) ประธาน Fed สาขาฟิลาเดีย (นายแพตทริก ฮาเคอร์) ให้ ความเห็นว่าควรหยุดขึ้นดอกเบี้ย และรอติดตามอัตตราการว่างงานและเงินเฟ้อก่อน ตัดสินใจ รวมถึงการรายงานหลายตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐวานนี้ สะท้อนถึงภาวะการ ชะลอตัว อาท
• PMI ภาคการผลิตปรับตัวลงสู่ระดับ 48.4 จุด ในเดือนพ.ค. ซึ่งต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ภาวะหดตัวของภาคการผลิตสหรัฐ หลังได้รับผลกระทบจากการหดตัว ของคำสั่งซื้อใหม่
• ตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานล่าสุดอยู่ที่ 232,000 ราย ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก สัปดาห์ก่อนที่ 230,000 ราย
วงจรการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐที่ใกล้ยุติลง สวนทางกับยุโรป ทำให้ความกังวลที่ Fed จะ ขึ้นดอกเบี้ยผ่อนคลาย ส่งผลให้ดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าลงหลังจากนี้ เนื่องจากสัดส่วน ตะกร้าเงินดอลลาร์ประกอบไปด้วยค่าเงิน EUR สูงถึง 57% และอาจหนุนให้เกิดการ เคลื่อนย้ายเม็ดเงินจากสินทรัพย์ปลอดภัยไปยังสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ขณะที่วานนี้ Dollar Index ปรับตัวลดลง -0.73% ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตัวในแดนบวกราว 0.5% - 1.3% และราคาน้ำมันดิบ Brent ดีดตัวกลับขึ้นมาราว 2.3%
สรุป ความกังวลการเร่งขึ้นดอกเบี้ยในสหรัฐฯ ดูผ่อนคลายมากขึ้น สวนทางกับฝั่งยุโรปที่ ECB อาจขึ้นดอกเบี้นอีกราว 1-2 ครั้ง อาจส่งผลให้ดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าลงหลังจาก นี้หนุนการเคลื่อนย้ายเม็ดเงินจากสินทรัพย์ปลอดภัยไปยังสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น
ขณะที่ในบ้านเรา ยังมีความเสี่ยงทั้งจากการขยับขึ้นดอกเบี้ยของ กนง. ในระยะถัดไป รวมถึงความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศ อาจจะเป็นแรงกดดันต่อ SET Index ขยับขึ้นได้น้อยกว่าต่างประเทศ
การท่องเที่ยวไทยทยอยฟื้นตัว ตั้งเป้าปีนี้รายได้ 80% ของรายได้ก่อน เกิดโควิด-19
อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยทยอยฟื้นตัวดีขึ้นหลังจากประเทศจีนได้ปลดล็อคประเทศ ซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวจากจีนที่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักของไทยฟื้นกลับขึ้นมาอย่างก้าว กระโดด โดยล่าสุดการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.- 27 พ.ค. 66 ประเทศไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว 10.37ล้านคน และสร้างรายได้ จากการท่องเที่ยวแล้วกว่า 428,000 ล้านบาท
ทั้งนี้หากดูข้อมูลนักท่องเที่ยวที่เข้าไทยในปี 2565 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม ทั้งหมด 11.82 ล้านคน โดยแบ่งเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเพียง 262,443 คน ซึ่งหาก พิจารณาในสภาวะปกติ หรือ ช่วงก่อนเกิด COVID-19 มีนักท่องเที่ยวจีนสูงถึง 10.99 ล้าน คน (ในปี 2562) คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 28% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด และสร้างรายได้ให้ ไทยมากถึง 543,000 แสนล้านบาท
โดย ททท. เชื่อมั่นว่ารายได้จากการท่องเที่ยวในปี 2566 จะกลับสู่ 80% ของรายได้ก่อน เกิดโควิด-19 ในปี 62 โดยเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ 1,500,000 ล้านบาท และนักท่องเที่ยวในประเทศ 880,000 ล้านบาท
ดังนั้นฝ่ายวิจัยฯเชื่อว่า การท่องเที่ยวไทยจะทยอยฟื้นตัวตามลำดับ เน้นหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว ที่พื้นฐานแข็งแกร่งอย่าง ERW CENTEL AOT (BK:AOT) และ MINT ที่คาดราคาหุ้นจะ Outperform SET Index ที่ค่อนข้างผันผวน โดยมีรายละเอียดทางพื้นฐาน ดังนี้
ERW (FV @ 5.70) โครงสร้างรายได้มาจากโรงแรมไทยราว 90% มากสุดในกลุ่มฯ จึงได้ ประโยชน์มากสุด ขณะที่ราคาหุ้นยังฟื้นตัวเพียง 11% เมื่อเทียบกับระดับก่อนเกิดโควิด19 และมี Upside มากสุดในกลุ่มฯ อีกทั้งยังมีโอกาสเข้า SET100 ในรอบทีจะถึงนี้
CENTEL (FV @ 60.00) แนวโน้มกำไรปกติปี 2566 เติบโต 406% YoY ที่ 1.5 พันล้าน บาท (กำไรปกติ 1Q66 คิดเป็นสัดส่วน 37% ของประมาณการทั้งปี) กลับสู่ระดับ 90% ของ Pre-COVID เร็วกว่า ERW และ MINT บวกกับมีคุณภาพสินทรัพย์ดีสุดในกลุ่มฯ น่าจะยังเป็นเป้าหมาย Fund Flow เป็นอันดับต้นๆ ของกลุ่ม เหมือนกับช่วงที่ผ่านๆมา
AOT (FV @ 80.00) กำไร 2Q66 มีลุ้นโต QoQ จากส่วนลดให้กับคู่ค้าทั้งสายการบิน และการบริหารพื้นที่ในสนามบิน ทยอยหมดลงตั้งแต่ 1 เม.ย. 66 ประกอบกับแนวโน้ม กำไรปกติ 2H66 เร่งตัวขึ้นจาก 1H66 และ Turn Around YoY ด้านราคาหุ้นยังฟื้นไม่ถึง ช่วงก่อนเกิดโควิด-19 และยัง Laggard เพื่อนในกลุ่มฯ
MINT (FV @ 38.00) ได้แรงหนุนระยะสั้น จากการดำเนินงานงวด 2Q66 Outperform กลุ่มฯ ขับเคลื่อนด้วย High Season ของการเดินทางใน EU ดีกว่ากลุ่มโรงแรมไทยที่ เผชิญแรงกดดันจาก Low Season
FUND FLOW ไหลออกไปกว่า 1 แสนล้านบาท (YTD) ต่างชาติยังเป็น ส่วนสำคัญที่กดดันตลาดหุ้นไทย
ในปี 2566 ต่างชาติขายหุ้นไทยออกมา 1.0 แสนล้านบาท (ytd) โดยเฉพาะปัจจุบัน ต่างชาติขายหุ้นไทยติดต่อกัน 18 วันทำการ และมีมูลค่าขายสุทธิสูงถึง 4.1 หมื่นล้านบาท (คิดเป็นสัดส่วนเกือบ ครึ่งหนึ่งของยอดขายสุทธิตั้งแต่ต้นปี) แสดงให้เห็นว่าต่างชาติยังไม่ มั่นใจการลงทุนหุ้นไทยในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านทางการเมือง
ขณะเดียวกันหากนับตั้งแต่ต้นปี 2565 เป็นต้นมา ต่างชาติเคยซื้อสุทธิสะสมหุ้นไทยไป สูงสุดที่ 2.25 แสนล้านบาท (ช่วง 1 ม.ค. 2565 - 27 ม.ค. 2566) ปัจจุบันยอดซื้อสุทธิ สะสมลดลงมาเร็ว และเหลืออยู่เพียง 1.01 แสนล้านบาท (ช่วง 1 ม.ค. 2565 - 1 มิ.ย. 2566)
นอกจากนี้ Fund Flow ที่ไหลออกหนักกดดันตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงมา -8.8% (ytd) ต่ำสุดเป็นอันดับ 3 ของโลก (จากตลาดหุ้นทั่วโลก 92 ตลาด) เป็นรองตลาดหุ้นปรับลง อันดับ 2 ตลาดหุ้นตุรกี -10.0 % และปรับลงอันดับ 1 หุ้นโคลัมเบีย -13.1%
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยฯเชื่อว่า ในช่วงที่เหลือของปีตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสฟื้นตัว จากเศรษฐกิจไทย จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หนุนกำไรบริษัทจดทะเบียนยังมี แนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง และถ้าประเด็นการเมืองผ่อนคลายลง คาดว่า SET Index มี โอกาสฟื้นตัวในช่วงที่เหลือของปี เช่นเดียวกับสถิติในอดีต คือ เวลา SET Index ปรับตัวในช่วงครึ่งแรกของปี ช่วงครึ่งหลังมักจะชะลอการปรับลง (เหมือนปี 2561) และมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นเด่น (เหมือนปี 2563 และ 2565)
ส่วนกลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ก่อนวันหยุดยาว 3 วัน คาด SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1510 – 1530 จุด แนะนำหุ้นมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ราคาน้ำมันฟื้น PTTEP, ดอกเบี้ย ไทยยังมีโอกาสขึ้น KTB, แนวโน้มกำไร 2Q66 เด่น MAJOR เป็น Top pick
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities