จริงอยู่ที่ภาพใหญ่ทั้งปี 2566 เรามองภาพตลาดในมุมที่ Upside จ ากัดโดยให้ เป้าหมายไว้เพียง 1610 จุด แต่อย่างไรก็ตามในระยะสั้น ช่วงครึ่งหลังของ 2Q66 - ต้น 3Q66 เราเห็นว่าเป็นช่วงเวลาที่อาจเปิดช่องให้ท าก าไรได้ ทั้งนี้เพราะ 1) ผล ประกอบการ 1Q66 ฟื้นตัวโดดเด่น และสูงกว่า Bloomberg Consensus 2) Election Rally ซึ่งในเชิงของสถิติพบว่า 1 – 2 สัปดาห์หลังเลือกตั้ง SET Index มักปรับตัวขึ้น 3) แรงกดดันจาก DELTA น่าจะเบาลงหลังเดือน เม.ย. ที่ผ่านมาปรับ ลงแรง 4) การปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed น่าจะสิ้นสุดลงหลังปรับขึ้นดอกเบี้ยในการ ประชุมรอบต้นเดือน พ.ค. นี้ นอกจากนี้อีกมุมหนึ่งของสถิติพบว่าหากปีใดที่ 4 เดือนแรกของปีให้ผลตอบแทนติดลบ ปรากฎการณ์ Sell in May จะไม่เกิด และ ด้วยเหตุผลดังกล่าวเราจึงเชื่อว่าน่าจะกลยเป็น Buy in May เดือน พ.ค.ปีนี้ เป็นไปได้ที่จะเห็นปรากฎการณ์Buy in May
มากกว่า Sell in May ด้วยเหตุผลที่กล่าวช้างต้น วันนี้ประเมินกรอบ SET Index ช่วง 1520 – 1545 จุด Top Pick เลือก ADVANC, SAWAD และ SNNP
เศรษฐกิจสหรัฐมีสัญญาณดีขึ้นช่วงสั้น RECESSION ถูกยืดออกไป
ปัญหาสถาบันการเงินในสหรัฐยังเป็นความเสี่ยงที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดนับตั้งแต่ช่วง เดือน มี.ค. เป็นต้นมา หลังมีการปิดกิจการไปแล้ว 3 ธนาคาร (Silvergate, Silicon Valley Bank, Signature) ขณะที่ล่าสุด FDIC เข้ามาช่วยเจรจาให้ JPMorgan เข้าซื้อ ธนาคาร First Republic หลังยอดเงินฝากปรับตัวลดลงเกือบ 50% และก่อนที่กิจการจะ ล้มละลาย โดย JP Morgan จะบริหารจัดการและดูแลสินทรัพย์ต่อทั้งเงินกู้ราว 1.73 แสนล้านเหรียญฯ และหลักทรัพย์ 3 หมื่นล้านเหรียญฯ รวมถึงเงินฝาก 9.2 หมื่นล้าน เหรียญฯ
ขณะเดียวกันหลายตัวเลขทางเศรษฐกิจล่าสุดที่รายงานออกมา เริ่มส่งสัญญาณทาง เศรษฐกิจที่ขยายได้ช้าลง แม้กรอบเวลาที่จะเกิด Recession อาจยืดเยื้อออกไป ดังนี้
เงินเฟ้อ PCE สหรัฐปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ในเดือน มี.ค. อยู่ที่ 4.2%YoY ลดลง จากเดือนก่อนที่ .5.1% YoY ส่วน Core PCE อยู่ที่ 4.6% YoY สูงกว่าตลาดคาด ที่ 4.5% YoY แต่ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนที่ 4.7% YoY สะท้อนได้ว่าผู้บริโภค ยังคงจับจ่ายใช้สอยแต่เริ่มชะลอตัวลงมาบ้างแล้ว
ดัชนี PMI ภาคการผลิตสหรัฐต่่ากว่าระดับ 50 สะท้อนถึงภาคธุรกิจสหรัฐอยู่ ในภาวะชะลอตัว โดยเดือน เม.ย. อยู่ที่ระดับ 47.1 (สูงกว่าคาดที่ 46.8 จุด)
GDP ในช่วง 1Q66 ทั้งในสหรัฐและยุโรปขยายตัวได้เพียงเล็กน้อย โดย GDP สหรัฐฯ ขยายตัวเพียง +2.2%QoQ ส่วน GDP ยุโรปโตเพียง +0.1%QoQ และ 1.3%YoY ต่ ากว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ +0.2%QoQ และ 1.4%YoY
สรุป เศรษฐกิจสหรัฐมีสัญญาณดีขึ้นช่วงสั้น ขณะที่ตัวเลข GDP งวด 1Q66 ยัง เพิ่มขึ้น QoQ ท่าให้ช่วยยืดเยื้อการเกิด Technical Recession ออกไปได้ แต่ปัญหา สถาบันการเงินที่อาจจะยังไม่ถึงจุดจบ และความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยยังไม่ได้หมด ไป อาจเป็นปัจจัยเข้าได้มากดดันตลาดหุ้นในระยะถัดไปได้เช่นกัน
ตัวเลขเศรษฐกิจไทยยังดูดี หนุน FLOW เข้าตลาดหุ้นไทย
ธปท. เผยภาพรวมเศรษฐกิจไทยเดือน มี.ค.66 ดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า ตามอุปสงค์ ภายในประเทศที่ฟื้นตัวขึ้น บวกกับมูลค่าการส่งออกที่มากกว่าปกติ อยู่ที่ 9.34 แสนล้าน บาท ขณะที่มูลค่าการน าเข้าอยู่ที่ 7.85 แสนล้านบาท ท าให้ดุลการค้าสูงถึง 1.48 แสนล้าน บาท หรือ 4.3 พันล้านเหรียญฯ ส่วนของดุลบริการดีขึ้นตามล าดับตามจ านวน นักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติอยู่ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท ท าให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลอยู่ ที่1.64 แสนล้านบาท หรือ 4.8 พันล้านเหรียญฯ (สูงสุดนับตั้งแต่ ก.พ. 20)
ภาพรวมการส่งออกไทยมีแนวโน้มดีขึ้น ซึ่งหากพิจารณาเชิงลึกแล้ว จะเห็นได้ว่า รายชื่อ สินค้าเดือน มี.ค. ที่ขยายตัวได้ดีทั้ง YoY, MoM และมีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่จด ทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ อาทิ น้ าตาลทรายและกากน้ าตาล, ไก่สดแช่แข็ง, รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น
ดังนั้นดุลการค้าที่ฟื้นตัวเด่น บวกปัจจัยภายนอกประเทศที่มีความเสี่ยง ท าให้ค่าเงินบาทมี โอกาสทรงตัวในทิศทางแข็งค่าคาดท าให้Flow ต่างชาติมีโอกาสไหลเข้าและเป็นแรงหนุน หลักในการผลักดัน SET Index ได้ในระยะถัดไป
สรุป มูลค่าดุลการค้าเดือน มี.ค.65 ที่ฟื้นตัวเด่น บวกกับ Dollar Index มีแนวโน้ม อ่อนค่าลงจากความกังวลปัจจัยภายนอก ส่งผลให้ค่าเงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้นใน อนาคต ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนให้ Flow ต่างชาติไหลเข้า SET Index ระยะถัดไป โดยวันนี้ มองกรอบการเคลื่อนไหวระดับ 1520-1545 จุด
เริ่มเห็นสัญญาณ BUY IN MAY ในตลาดหุ้นไทย
ปกติเดือน พ.ค. ตลาดหุ้นไทยมักย่อตัว เช่นเดียวกับค ากล่าว “Sell in May” แต่ปีนี้มี โอกาสแตกต่างออกไป และมีหลายปัจจัยที่ช่วยหนุนให้ SET น่าสะสม หรือ Buy in May มากขึ้น ด้วยเหตุผลต่างๆ ดังนี้
1. งบ 1Q66 มีแนวโน้มฟื้นตัวเด่น ผิดจากงบ 4Q65 ที่ต่่าสุดในรอบ 5 ไตรมาส จากการเข้าสู่การรายงานก าไรบริษัทจดทะเบียนงวด 1Q66 เบื้องต้นมีการ รายงานออกมาภาพรวมดีกว่าที่ตลาดคาดราว 15% รวมถึงฝ่ายวิจัยฯ ประเมิน ก าไร 1Q66 จากการท า Earning Preview 1 ใน 3 ของ Market Cap ตลาด พบว่า ก าไร 1Q66 เติบโตถึง 79%QoQ และ 2.0%YoY
2. เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง ในอดีตหุ้นมักปรับตัวขึ้น โดยนโยบาย ต่างๆ ที่พรรคการเมืองหาเสียง ส่วนใหญ่เป็นการเน้นแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ พร้อมกับใช้งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจให้จุดติดแบบจัดเต็ม อีกทั้งสถิติในอดีต บ่งชี้ว่า SET Index มีแนวโน้มที่ดีในช่วงเลือกตั้ง ซึ่งในอดีตก่อนการเลือกตั้ง 2 สัปดาห์ หุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 2.09% ด้วยความน่าจะเป็น 80% และหลัง เลือกตั้ง 1 สัปดาห์ มีโอกาสปรับตัวขึ้น 3.8% ด้วยความน่าจะเป็น 80% เช่นกัน พร้อมกับ Fund Flow ที่ไหลเข้ามาสนับสนุนเสมอ
3. แรงกดดันจากหุ้น DELTA ลดลง หลังเดือน เม.ย. 66 DELTA ย่อตัวลงมากว่า -36% จาก 114.2 บาท เหลือ 72.75 บาท กดดัน Market Cap เหลือ 9 แสน ล้านบาท (ลงมาเป็นอันดับ 2 รองจาก AOT (BK:AOT)) และราคาปัจจุบันเริ่มเข้าใกล้ราคา เป้าหมาย ที่ Consensus ประเมินไว้ที่ 55 – 79 บาท (เฉลี่ย 61 บาท)
4. ปัจจุบัน SET Index อยู่ที่ 1500 ต้นๆ ต่่ากว่าค่าเฉลี่ยใน 1Q66 ที่ 1645 จุด พอสมควร ขณะที่แรงกดดันต่างๆ น้อยลงทั้งเรื่อง วิกฤตธ.พ. โลก, การขึ้น ดอกเบี้ย รวมถึงในประเทศงบ 1Q66 มีโอกาสฟื้นเด่น และยังเป็นช่วง Election Rally
ทั้ง 4 ปัจจัยล้วนเป็นแรงหนุนให้ SET Index ในเดือน พ.ค. 66 น่าสะสมมากขึ้น พร้อมกับคาดหวัง Fund Flow กลับมาพยุงดัชนีอีกครั้ง โดยเฉพาะในช่วงหลังวัน เลือกตั้ง
กลยุทธ์แนะน่าสะสมหุ้นก่าไร 1Q66 ฟื้น SNNP BEM SCGP IVL และหุ้นเด่นรับ Election Rally CPALL (BK:CPALL) CK SAWAD ADVANC
นักลงทุนสามารถติดตามเนื้อหาฉบับสมบูรณ์ในบทวิเคราะห์ Invest+ ประจ่าเดือน พ.ค. 66 ได้ในวันนี
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities