วันนี้ (4 เม.ย.) ราคาทองคําแกว่งตัวขึ้นลงในกรอบแคบระหว่าง 1,976.83-1985.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (16:00 น.) ทั้งนี้ ราคาทองคํามี ปัจจัยกดดันจากการแรงขายทํากําไร หลังวานนี้ (3 เม.ย.) ราคาทองคําดีดตัวขึ้นแตะระดับ 1,990.39 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สูงสุดในรอบสัปดาห์ ซึ่งเป็นผลมาจากตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ (PMI) ภาคการผลิต เดือนมี.ค. ของสหรัฐ จาก ISM ที่ออกมาย่ําแย่กว่าคาดการณ์ของ นักวิเคราะห์ ซึ่งนับเป็นการสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยุติการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะอันใกล้ เงินดอลลาร์จึงอ่อนค่าลงตอบรับ การเปิดเผยตัวเลขดังกล่าว ขณะที่บ่ายวันนี้ เยอรมนีเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนก.พ. โดยแม้ยอดเกินดุลการค้าลดลงจาก เดือนม.ค. ราว 700 ล้านยูโร แต่หากพิจารณาที่การส่งออกจะพบว่า มูลค่าเพิ่มสูงขึ้น 4% จากเดือนก่อนหน้า สู่ระดับ 1.37 แสนล้านยูโร ทําสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อีกทั้งการเพิ่มขึ้นดังกล่าวยังสูงกว่าระดับ 0.4% ที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ ข้อมูลดังกล่าวช่วยเพิ่ม มุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจเยอรมนีและสหภาพยุโรป ค่าเงินยูโรจึงปรับตัวแข็งค่า กดดันให้ค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวลง ซึ่งเป็นปัจจัยที่เข้ามา พยุงราคาทองคําในช่วงบ่าย อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังรอติดตามข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐอย่าง ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน (JOLTS) เดือนก.พ. ในคืนนี้ เวลา 21:00 น. ซึ่งจะช่วยสะท้อนสถานการณ์ในตลาดแรงงาน ที่มีผลต่อแนวโน้มการดําเนินนโยบายการเงินของเฟด
คําแนะนํา
• หากราคาไม่สามารถผ่านระดับสูงสุดของวันก่อนหน้า อาจต้องระวังแรงขายเข้ามาเพิ่มขึ้น
• เสี่ยงเปิดสถานะขายทํากําไรระยะสั้น หากราคาไม่สามารถยืนเหนือแนวต้าน 1,990-2,009 ดอลลาร์ต่อออนซ์
• รอทยอยปิดสถานะขายทํากําไร หากราคาปรับตัวลงไม่หลุดแนวรับ 1,963-1,944 ดอลลาร์ต่อออนซ์
• สถานะขายตัดขาดทุน หากราคาผ่านแนวต้าน 2,009 ดอลลาร์ต่อออนซ์
บทความนี้จัดทำขึ้นโดย YLG Bullion International
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ 02-687-9888 กด 1 หรือเว็บไซต์ ylgbullion.co.th