It starts to look a lot like 2006
ความเชื่อมั่นมากเกินไป
• กลยุทธ์: แนะถือครองหุ้นที่ได้เข้าสะสมไปที่บริเวณแนวรับดัชนีแรก ของเราเดือนนี้ที่ 1580-1600 จุด แต่ปรับลดระดับแนวรับสําคัญ เดือนนี้จากเดิมที่ระดับ 1560 จุด เป็นระดับ 1540 จุด อิงวิธี Trough PBV ตั้งแต่ปี 2006 (รายละเอียดด้านล่าง) สําหรับปัจจัยวันนี้แนะน่า ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ (CPI) หากตัวเลขจริงไม่ได้ออกมาแตกต่าง จากตลาดคาดอย่างมีนัยสําคัญ (Headline +6.0% YoY / Core + 5.5% YoY) คาดว่ามีโอกาสสูงแล้วที Fed จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการ ประชุมสัปดาห์หน้าเพียง 25bps เพื่อไม่เป็นการสร้างความตึงตัวให้กับ ภาวะสภาพคล่องในระบบสถาบันการเงินสหรัฐฯ ที่นักลงทุน าลังสูญเสีย
• Check-up: จากการตรวจสอบเครื่อง สําคัญที่เราพูดไปเมื่อวานนี้ ทั้ง LIBOR-OIS spread, TED spread, และ CDS spread ของธนาคารขนาด ใหญ่ ล่าสุดพบว่ามีการขยับขึ้นอีกเล็กน้อย แต่ระดับปัจจุบันก็ยังไม่สูงเกิน เลยไปกว่าจุดสูงสุดเมื่อปี 2022 ที่ผ่านมาอยู่ดี บ่งชี้ว่าปัญหาปัจจุบันยัง ไม่ลุกลามเป็น Systematic risk หรือปัญหาสภาพคล่องที่เกิดขึ้น เป็นระบบแต่อย่างใด
• A copy of 2006: เรามองว่าสถานการณ์ปัจจุบันเริ่มมีความคล้ายคลึงกับ ช่วงปี 2006 มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งหากจ่ากันได้ ช่วงเวลาก่อนหน้านั้น Fed ได้ ส่งสัญญาณ Hawkish ในเชิงนโยบายการเงินมาอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะ ตัดสินใจยุติการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของ Cycle ดังกล่าวในช่วงกลางปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ไล่เลี่ยกับการชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้อ และการท่า จุดสูงสุดของ Bond yield สหรัฐฯรุ่น 2 ปี ในขณะที่บรรยากาศตัวเลข เศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ยอมรับได้ อาทิอัตราการว่างงานที่ในช่วงนั้นอยู่ใน ระดับ 4% กว่า (รูปที่ 1) Not the end of global equity (just yet): ทั้งนี้ จะเห็นว่าในช่วงเวลา ที่ Bond yield สหรัฐฯ 2 ปีก่อตัวท่าจุดสูงสุดในช่วงนั้น ตลาดหุ้นทั่วโลกก็ ได้มีการย่อตัวลงมาบ้าง แต่กระนั้น ก็สามารถที่จะกลับมารีบาวด์และไต่ ระดับขึ้นได้หลังจากนั้น ในช่วงที่ Fed เข้าสู่โหมดของการหยุดพักการ น อัตราดอกเบี้ยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สอดคล้องกับมุมมองภาพกว้างของเราที่ มองว่า ณ เวลานี้ เรายังอยู่ในช่วง Middle of the road ที่เลยผ่านจุด Peak สูงสุดของความกลัวทางด้านเงินเฟ้อไปแล้ว แต่ยังไม่ถึงจุด Peak ของ ความกลัวถัดไปนั่นก็คือความกังวลทางด้านภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งใน กรณีของปี 2006 นั้น กว่าที่ตลาดหุ้นจะรับรู้ข่าวร้ายดังกล่าว ต้องรอกว่า Fed ปรับลดอัตราดอกเบี้ยและอัตราการว่างงานไต่ระดับเกินกว่า 5% ขึ้น ไปแล้ว
• PBV: หันมาดูในฝั่งของหุ้นไทย งในรอบนี้ยังไม่เห็นผลกระทบโดยตรง ต่อกลุ่มสถาบันการเงิน จะมีก็แต่ช่องทางการไหลออกของ Fund flow ที่ยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง ท่าให้ล่าสุดดัชนี SET ปรับตัวลงสู่ระดับที่ Valuation ไม่เคยถูกเท่านี้มาก่อนนับตั้งแต่ปี 2020 สะท้อนผ่านมาตรวัด Forward PBV ที่อยู่ ณ ระดับ 1.42x ซึ่งถือเป็นระดับที่ต่ํากว่า -1SD จาก ค่าเฉลี่ยนับตั้งแต่ปี 2006 ไปแล้ว และใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของ จุดต่าสุด (Trough) ในแต่ละรอบในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งอยู่ที่ระดับ 1.39x (รูปที่ 3) ทั้งนี้ หากดูจากสถิติในอดีตจะพบว่า การลงทุนในตลาดหุ้นไทย ณ Valuation ระดับนี้ ไม่เคยให้ผลตอบแทนติดลบในช่วง 3, 6, 12 เดือน หลังจากนั้น โดยหากคิดกลับว่า SET ต้องลงไปที่เท่าใด จึงจะทําให้ระดับ Forward PBV เป็น 1.39x จะได้ว่าดัชนีต้องอยู่ที่ 1544 จุด จึงเป็นที่มา ของการปรับลดระดับแนวรับสําคัญของ SET เดือนนี้ที่กล่าวไปข้างต้น
แนวรับ 1,589 แนวต้าน 1,614
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities