Economic Highlight
ไฮไลท์สำคัญที่ควรติดตาม ได้แก่
1) รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ในเดือนกุมภาพันธ์
2) ผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB)
3) รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญรายเดือนของจีน อาทิ ยอดค้าปลีก (Retail Sales) และยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะจับตาผลกระทบจากการปิดตัวของธนาคาร Silicon Valley Bank (SVB) ว่าจะส่งผลต่อระบบการเงินสหรัฐฯ มากน้อยขนาดไหน และทางการสหรัฐฯ รวมถึงเฟดจะมีการรับมืออย่างไร
**ราคาทองคำ = สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย.
FX Highlight
-
ความกังวลปัญหาต่อระบบธนาคารสหรัฐฯ หลังธนาคาร SVB ปิดตัวลงอาจทำให้ผู้เล่นในตลาดมองว่า เฟดคงไม่สามารถเร่งขึ้นดอกเบี้ย +0.50% ได้ในการประชุมเดือนมีนาคม ซึ่งอาจช่วยลดปัจจัยหนุนการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ได้บ้าง
-
อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์ยังมีโอกาสได้แรงหนุนจากความต้องการถือสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven Asset) หากตลาดปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น ทว่า เราเริ่มเห็นความต้องการถือทองคำ และเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยเช่นกัน ทำให้การแข็งค่าของเงินดอลลาร์อาจเป็นไปอย่างจำกัด
-
อนึ่ง ควรระมัดระวัง ความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ในวันอังคาร (ราว 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย) โดยหากอัตราเงินเฟ้อ CPI ออกมาสูงกว่าคาด ก็อาจทำให้ตลาดยังกังวลว่า เฟดจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อได้ หากผลกระทบจากการปิดธนาคาร SVB ไม่น่ากังวล
-
จากความเสี่ยงทั้งความกังวลต่อระบบธนาคารสหรัฐฯ และรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ทำให้เรามองว่า เงินบาทอาจแกว่งตัวในกรอบกว้าง โดยต้องจับตาโซนแนวรับสำคัญแรก คือ 34.50 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนโซนแนวต้านสำคัญจะอยู่ในช่วง 35.00 บาทต่อดอลลาร์
-
นอกจากนี้ ควรจับตาความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย หลังดัชนี SET ได้ย่อตัวลงใกล้โซนแนวรับสำคัญแถว 1,600 จุด แต่ภาวะตลาดปิดรับความเสี่ยงในช่วงนี้ ก็อาจกดดันให้ นักลงทุนต่างชาติยังไม่รีบกลับเข้าตลาดหุ้นไทยได้
-
ในเชิงเทคนิคัล ทั้งสัญญาณจาก RSI และ MACD เริ่มชี้ว่า เงินบาทมีโอกาสแกว่งตัวในกรอบ sideways และอาจแข็งค่าขึ้นทดสอบแนวรับได้ ซึ่งต้องจับตาแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย EMA 50 วันแถว 34.40 บาทต่อดอลลาร์
Gold Highlight
-
ราคาทองคำได้รีบาวด์ขึ้นแรงในช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมาและยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย EMA 50 วันได้ ทำให้เรามองว่า ในช่วงระยะสั้น ราคาทองคำมีโอกาสแกว่งตัวลักษณะ Sideways Up ได้
-
ในช่วงตลาดยังคงกังวลผลกระทบของการปิดธนาคาร SVB และไม่มั่นใจแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ราคาทองคำก็มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อทดสอบโซนแนวต้านแถว 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้
-
ทว่า ต้องระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้อัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ก็อาจเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่ผู้เล่นในตลาดยังอยากถืออยู่ได้เช่นกัน ทำให้เงินดอลลาร์จะยังไม่ได้กลับตัวเป็นทิศทางขาลงอย่างชัดเจน จนช่วยให้ราคาทองคำกลับมาเป็นเทรนด์ขาขึ้นได้
-
ในเชิงเทคนิคัล สัญญาณจาก RSI และ MACD ชี้ว่า ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้ นอกจากนี้ ราคาทองคำก็สามารถทรงตัวเหนือเส้นค่าเฉลี่ย EMA 50 วันได้ ทำให้มีโอกาสเห็นราคาทองคำปรับตัวขึ้นทดสอบโซนแนวต้านได้
-
เราคงมุมมองเดิม ที่ให้เป้าราคาทองคำในปีนี้แถวระดับ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งผู้เล่นในตลาดอาจรอจังหวะ Buy on Dip และอาจพิจารณาไม่ไล่ราคาซื้อ ในกรณีที่ ราคาทองคำปรับตัวทะลุ 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจาก Reward to Risk จะเริ่มไม่คุ้ม โดยเฉพาะถ้าให้จุดคัทลอสที่ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ต่ำกว่าแนวรับ Fibonacci Retracement 50% แถว 1,815 ดอลลาร์ต่อออนซ์)