Economic Highlight
ไฮไลท์สำคัญที่ควรติดตาม ได้แก่ 1) รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ โดยเฉพาะยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) รวมถึงการเติบโตของค่าจ้าง (Wage Growth) 2) ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก โดยเฉพาะ ถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อสภาคองเกรส และถ้อยแถลงของประธาน ECB และ 3) ผลการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)
**ราคาทองคำ = สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย.
FX Highlight
-
เราคงมุมมองเดิมว่า ในระยะสั้นนี้ หากตลาดยังไม่คลายกังวล แนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟด เงินบาทก็อาจยังเคลื่อนไหว sideways ไปก่อน
-
อย่างไรก็ดี จนกว่าตลาดจะรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญฝั่งสหรัฐฯ ในวันศุกร์ ค่าเงินบาทก็อาจไม่ได้ผันผวนรุนแรงมาก และเราเริ่มแรงขายสินทรัพย์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติที่เริ่มชะลอลง โดยเฉพาะในฝั่งหุ้น (ส่วนฝั่งบอนด์ นักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับมาเป็นฝั่งซื้อสุทธิแล้ว)
-
ควรจับตาความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย หลังดัชนี SET ได้ย่อตัวลงใกล้โซนแนวรับสำคัญแถว 1,600 จุด ซึ่งหากดัชนีสามารถยืนที่ระดับดังกล่าวได้ ก็อาจเป็นสัญญาณที่ดีว่า แรงขายจากนักลงทุนต่างชาติอาจชะลอลงได้บ้าง
-
ทั้งนี้ ตลาดการเงินมีแนวโน้มผันผวนสูงอยู่ โดยเฉพาะในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด
-
นอกจากนี้ หากราคาทองคำสามารถปรับตัวขึ้นและยืนเหนือโซนแนวต้านเส้นค่าเฉลี่ย EMA 50 วัน ก็จะเป็นสัญญาณที่ดีว่าราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ ก็อาจช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทได้ จากโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ
-
ในเชิงเทคนิคัล ทั้งสัญญาณจาก RSI และ MACD สะท้อนว่าการอ่อนค่าของเงินบาทเริ่มชะลอลง ซึ่งต้องจับตาแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย EMA 50 วันแถว 34.25 บาทต่อดอลลาร์
Gold Highlight
-
ราคาทองคำยังคงอยู่ในช่วงปรับฐาน แต่สามารถรีบาวด์ขึ้นจากโซนแนวรับสำคัญแถว 1,815 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (Zone Fibonacci Retracement 50%) ได้ ทำให้ราคาทองคำยังมีโอกาสลุ้นกลับมาเป็นขาขึ้นได้
-
ในระยะสั้น ราคาทองคำยังคงอยู่ในโหมด USD-Driven หรือถูกขับเคลื่อนด้วยปัจจัยเงินดอลลาร์เป็นหลัก ทำให้ราคาทองคำอาจยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องได้ จนกว่าตลาดจะคลายกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟด หรือ มีปัจจัยอื่นๆ เข้ามากระทบตลาด กดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง
-
ในเชิงเทคนิคัล สัญญาณจาก RSI และ MACD ชี้ว่า ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้ ซึ่งต้องจับตาอย่างใกล้ชิดว่า ราคาทองคำจะสามารถปรับตัวขึ้นและทรงตัวเหนือเส้นค่าเฉลี่ย EMA 50 วันได้หรือไม่
-
เราคงมุมมองเดิมว่า การเคลื่อนไหวของราคาทองคำในปัจจุบัน คือ การพักฐาน เพื่อปรับตัวขึ้นต่อ โดยมีเป้าราคาทองคำในปีนี้ที่ระดับ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งผู้เล่นในตลาดอาจรอจังหวะ Buy on Dip ใกล้โซนแนวรับ
-
อย่างไรก็ดี ควรระวังความผันผวนในตลาดการเงิน โดยเฉพาะในช่วงตลาดทยอยรับรู้ข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ หรือ ถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อสภาคองเกรส
Economics Highlight