การเก็งก าไรบนกระแสข่าวเรื่องการ ยุบสภาฯ - เลือกตั้ง ท าให้ตลาดหุ้นวานนี้ดีด ขึ้นแรง แต่อย่างไรก็ตาม เรามองว่ากระแสการเก็งก าไรในเรื่องดังกล่าว น่าจะ เกิดขึ้นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ เนื่องจากปัจจัยแวดล้อมทางการเมืองในรอบนี้แตกต่าง จากช่วงที่ผ่านมา กล่าวคือ การยุบสภาฯ ส่วนใหญ่ในรอบที่ผ่านมามักจะเกิดจาก แรงกดดันที่อาจไปถึงความรุนแรง ท าให้การยุบสภาฯถูกมองว่าเป็นทางออก แต่ใน รอบนี้ยังไม่เห็นสภาวะดังกล่าว แต่กลับเกิดความไม่แน่ใจว่าสถานการณ์การเมือง หลังการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร ส่วนประเด็นอื่นที่อาจสร้างแรงกดดันวันนี้มี 2 เรื่อง หลักคือ ความกังวลเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed หลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจ ออกมาดีท าให้เริ่มมีความเห็นว่า Fed อาจปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุม รอบถัดไป ส่วนอีกเรื่องหนึ่งคือความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ ที่ร้อนแรงมากขึ้น
กระแสเก็งก าไรข่าว การยุบสภาฯ-เลือกตั้ง น่าจะเกิดขึ้นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ขณะที่ แรงกดดันอื่นยังมีน้ าหนัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Fed หรือ ความเสียงภูมิรัฐศาสตร์SET Index อยู่ในกรอบ 1650 – 1670 จุด หุ้น Top Pick เลือก AP, KTB และ CBG
ปัจจัยเสี่ยงรุมเร้า กดดันตลาดหุ้นพักฐาน
วานนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกปิดตัวในแดนลบ โดยในฝั่งสหรัฐร่วงลงแรงราว -2.0% ถึง -3.0% ขณะที่ฝั่งยูโรปรับตัวลงราว -0.4% ถึง -0.5% กดดันตลาดหุ้นให้เข้ามาอยู่ในโซนพักฐาน หลังมีหลายปัจจัยเสี่ยงเข้ามากระทบ
เริ่มจากความกังวลที่เกิดขึ้นในฝั่งสหรัฐยังคงเป็นเรื่องการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ของ Fed โดย Bond Yield สหรัฐฯ 2 ปี และ 10 ปี ดีดตัวขึ้นไปแรงกว่า 2.3% และ 3.6% ตามล าดับ ขณะเดียวกันผลการส ารวจ Fed Watch Tool ยังเผยว่าโอกาสที่ Fed จะปรับ ขึ้นดอกเบี้ยอีก 50 bps. เป็น 5.25% ในประชุมครั้งต่อไป (วันที่ 22 มี.ค.) มีน้ าหนักเพิ่ม มากขึ้นต่อเนื่อง (ดอกเบี้ยสหรัฐ ณ ปัจจุบัน อยูที่ 4.75%) หลังอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้ม ชะลอตัวได้ช้าลง โดยสะท้อนจากดัชนีฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของสหรัฐเดือน ก.พ. อยู่ที่ระดับ 50.2 จุด สูงขึ้นจากครั้งก่อนและมากกว่าที่ตลาดคาด โดยภาคบริการอยู่ที่ระดับ 50.5 จุด สูงขึ้นจากครั้งก่อนและมากกวาที่ตลาดคาด รวมถึงอยู่เหนือระดับ 50 จุด ในรอบ 14 เดือน ขณะที่ดัชนีภาคบริการอยู่ที่ระดับ 46.9 สูงขึ้นจากครั้งก่อนและมากกว่าที่ตลาดคาดเช่นกัน
ในส่วนของฝั่งยุโรปได้รับแรงกกดดันจากดัชนีPMI ภาคการผลิตเดือน ก.พ. ในยุโรปอยู่ที่ 48.5 จุด ซึ่งเป็นระดับที่ต่ ากว่าตลาดคาดและลดลงจากเดือนก่อนหน้า และในอังกฤษอยู่ที่ 49.2 จุด ทั้งนี้ดัชนีดังกล่าวยังอยู่ในระดับต่ ากว่า 50 จุด จึงสะท้อนได้ว่าภาคธุรกิจในยุโรป ได้เข้าสู่ภาวะชะลอตัว
นอกจากจากนี้ยังมีความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐสาตร์ที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด หลังมีแนวโน้มทวี ความรุนแรงและอาจขยายวงกว้างมากขึ้น
สงครามรัสเซีย – ยูเครน โดยสถานการณ์ล่าสุด ปธน.ปูติน ได้แถลงต่อหน้า ประชาชนรัสเซียทั้งประเทศเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี ประกาศจะเดินหน้าท า สงครามยูเครนต่อไป โดยรัสเซียมองว่าความเคลื่อนไหวของชาติตะวันตกอาจท า ให้ความขัดแย้งรุนแรงมากขึ้น นอกจากนี้รัสเซียยังประกาศระงับความร่วมมือของ รัสเซียในสนธิสัญญา "New START" กับทางสหรัฐ ซึ่งเป็นข้อตกลงควบคุมอาวุธ นิวเคลียร์ฉบับสุดท้ายระหว่าง 2 มหาอ านาจในยุคหลังสงครามเย็น
สหรัฐฯ – จีน โดยวานนี้ทางการจีนออกมาตอบโต้อย่างรุนแรง โดยระบุว่าสหรัฐ เป็นผู้จัดส่งอาวุธเข้าสู่สนามรบยูเครน และไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะมาบงการว่าจีน ควรท าอะไร หลังสหรัฐกล่าวหาว่าจีนก าลังพิจารณาจัดหาอาวุธร้ายแรงให้รัสเซีย เพื่อสนับสนุนความพยายามในการท าสงครามในยูเครน
แนวโน้มสงครามขยายวงกว้าง โดยมีทั้งในฝั่งไต้หวันที่พร้อมจะส่งเสริมการ แลกเปลี่ยนทางทหารกับสหรัฐฯ รวมถึงในฝั่งเบลารุสที่ได้มีการเตรียมระดมพล อาสารสมัครกว่า 1 แสนราย เนื่องจากความตึงเครียดของสงครามรัสเซีย-ยูเครนมี มากขึ้น โดยการรวมพลของเบลารุสสร้างความกังวลว่า เบลารุสอาจเข้าร่วม สงครามกับทางฝ่ายรัสเซีย
สรุป ตลาดหุ้นต่างประเทศได้รับแรงกดดันวานนี้ จากหลายปัจจัยทั้งความกังวลเรื่อง Fed เดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยกลับมาอีกครั้ง หลังอัตราเงินเฟ้อยังทรงตัวในระดับสูง และมีแนวโน้มชะลอตัวได้ช้าลง ขณะที่ในฝั่งยุโรปจากภาคธุรกิจยังอยู่ในภาวะชะลอตัว นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐสาตร์ที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด หลังมีแนวโน้มทวี ความรุนแรงและอาจขยายวงกว้างมากขึ้น
หุ้นเก็งก าไรรับกระแสเลือกตั้ง ราคา LAGGARD แนะ SCC MAKRO BEC STEC AMATA
วานนี้ประเด็นความชัดเจนเรื่องการยุบสภา หนุนให้ตลาดหุ้นไทยพลิกจากติดลบกลับมา บวก 0.6% โดดเด่นกว่าประเทศอื่นๆ ที่ส่วนใหญ่ติดลบ ส่วนหนึ่งเกิดจากการกลับมาเก็ง ก าไรของนักลงทุน สอดคล้องกับผลการศึกษาผลตอบแทนตลาดหุ้นไทยช่วงก่อนและหลัง วันเลือกตั้งที่ดีที่สุดในปี 2544 – 2562 พบว่า ดัชนีหุ้นไทยมักให้ผลตอบแทนที่ดีในช่วง 3 เดือนก่อนการเลือกตั้งเฉลี่ย 3.90%
อย่างไรก็ตามหากมาดู Timeline การยุบสภา ตลาดคาดว่าไม่เกิน 15 มี.ค. 66 นี้ เนื่องจากการจัดการเลือกตั้งต้องอยู่ภายใน 45 วัน ไม่เกิน 60 วันหลังยุบสภา ถือว่าอยู่ ในกรอบใกล้เคียงกับวันเลือกตั้งเดิมที่ก าหนดไว้ที่ 7 พ.ค. 66 ท าให้การเลือกตั้งไม่ได้ เกิดเร็วขึ้นจากช่วงเวลาเดิมที่ก าหนดไว้ อีกทั้งช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านไปสู่การจัดตั้ง รัฐบาลใหม่มีโอกาสกินระยะเวลาไปถึงเดือน ส.ค. 66 จึงจะแล้วเสร็จ
กระแสยุบสภาจึงถือว่าไม่ได้เป็นประเด็นใหม่ที่เข้ามาหนุนตลาดหุ้นมากนัก อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยท าการคัดกรองหุ้นที่มักปรับตัวขึ้นได้ดีในช่วงที่มีกระแสเลือกตั้งในช่วง 3 เดือน ก่อนการเลือกตั้ง 5 อันดับแรก ได้แก่ ไอซีที สื่อและสิ่งพิมพ์ พาณิชย์ อาหารและเครื่องดื่ม เงินทุนและหลักทรัพย์ และหุ้นที่มักปรับตัวขึ้นได้แรง คือ PLANB, STPI, THCOM, BBL, SC, TKS, SIRI, CENTEL, AP, ADVANC, NWR, MINT, MAKRO, STEC, SCC, INTUCH, BEC, CPALL (BK:CPALL), AMATA (รายละเอียดในบทวิเคราะห์ Market Talk วันที่ 9 ม.ค. 66 หรือ Invest+ เดือน ก.พ.)
ปัจจจุบันหลายบริษัทถือว่าให้ผลตอบแทน (ytd) Outperform SET มาก อาทิ PLANB +26%ytd, SPTI +20%ytd, THCOM +13%ytd ส่วนรายละเอียดหุ้นตัวอื่นๆ
สรุปกระแสการเลือกตั้งตลาดหุ้นไทยน่าจะตอบรับมาในระดับหนึ่งแล้ว แต่น่าจะยังพอ เก็งก าไรได้อีกในช่วงสั้นๆ แนะน าหุ้นธีมเลือกตั้งราคา Laggard ให้ผลตอบแทนต่ า กว่าหรือใกล้เคียงตลาด (ytd) น่าเก็งก าไร อย่าง SCC, CPALL, BEC, AMATA, STEC และ MAKRO เป็นต้น
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities