TU / BCP/KCC
ในเชิงกลยุทธ์ ยังคงคาดการณ์สัปดาห์นี้ SET จะเริ่มตั้งหลักได้ และอาจมี ลุ้นปรับตัว Technical rebound จากการที่ตลาด Price in ข่าวร้ายในช่วง สั่นไปเยอะมากแล้ว สะท้อนผ่านตัว Fed Funds futures ที่ยกระดับขึ้นมา อย่างรวดเร็ว ดังนั้น ยังคงแนะน่า Wait & See และถือหุ้นในส่วนที่เหลือได้ ต่อไป ซึ่งในส่วน Top pick ของเราเดือนนี้ ยังคงได้แก่ SPALI, WHA, AMATA, GLOBAL, INTUCH, JMT, M, VRANDA, GPSC รวมถึง DTAC ที่ตอนนี้อยู่ในช่วงระหว่างการหยุดการซื้อขาย
• TU: คงคําแนะนํา “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 21 บาท อิง PBV 1.6 เท่า แม้ว่าการเติบโตของกําไรปีนี้อาจไม่สูง (คาดโต 5% YoY) แต่ราคาหุ้น ปัจจุบันยังพอมี Upside บวกกับปันผลสําหรับผลการดาเนินงานครึ่งปีหลัง ที่ 0.44 บาท (XD 3 มี.ค. 66) คิดเป็น Residual Dividend Yield ราว 2.75% ทั้งนี้ ในส่วนของกําไร 4Q65 ที่ออกมาถือว่าต่ํากว่าที่เราคาดไว้ ก่อนหน้า โดยหลักเป็นผลจากขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 468 ล้านบาท ส่วนผลการดาเนินงานปกติอ่อนตัวลงจากยอดขายผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ เลี้ยงซึ่งเป็นส่วนที่มีอัตรากาไรขั้นต้นสูงอ่อนตัวลงค่อนข้างมาก จากไตร มาสก่อนหน้าที่ลูกค้ามีการกักตุนสินค้าไปแล้ว ด้านผลการดาเนินงานของ บริษัทร่วมยังอ่อนตัวลงต่อเนื่อง ทําให้เห็นส่วนแบ่งขาดทุนเพิ่มขึ้น QoQ โดยเฉพาะธุรกิจของ Red Lobster ที่เข้าสู่ Low Season ในฤดูหนาว แต่เราคาดว่าในปีนี้จะเห็นการฟื้นตัวของธุรกิจนี้ได้
• BCP: คงคําแนะนํา “ อเก็งกําไร” และราคาเป้าหมายที่ 40 บาท อิง PBV ที่ 0.8 เท่า มองราคาหุ้นปรับลดลงกว่า 7% ใน 1 เดือนที่ผ่านมา สะท้อนผลประกอบการที่อ่อนตัวไปแล้ว โดยก่าไร 4065 ที่ประกาศออกมา นั่นถือว่าหดตัวลงทั้งธุรกิจการตลาด, โรงไฟฟ้า และทรัพยากรธรรมชาติ แต่ไม่ถือว่า Surprise เรามากนัก และประเมินว่าแนวโน้มกําไรปีนี้จะยังคง อยู่ในเกณฑ์ดี (คาด 9.3 พันล้านบาท) โดย GRM จะยังยืนได้จากความ ต้องการน่ามันเครื่องบินที่กลับมาตามภาคการท่องเที่ยวของไทย รวมถึง ธุรกิจการตลาดที่จะได้ประโยชน์จากการที่ กบง. ปรับค่าการตลาดใหม่ กลับไปใชที่ 2 บาท/ลิตร
• KCC: ปรับเพิ่มค่าแนะนําจาก “ถือ” เป็น “ซื้อ” หลังจากที่ราคาร่วง ลงมาจนมี Upside จากเป้าหมายใหม่ของเราที่ 7.0 บาท อิง PBV 3.6 เท่า ซึ่งเรามองว่าเป็นการสะท้อนผลประกอบการปี 2565 ที่ออกมา อ่อนแอไปแล้ว โดยกําาไรที่ออกมาเพียง 77 ล้านบาทนั้น ถือว่าต่ํากว่าที่เรา คาดการณ์ไว้ราว 25% โดยหลักเป็นผลจากยอดจัดเก็บ NPL และ NPA ที่อ่อนตัวลงในไตรมาส 4 ขณะเดียวกันค่าใช้จ่ายสํารองหนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 51% QoQ และ 128% YoY ซึ่งเป็นการตั้งสํารองหนี้ในส่วนรายได้ดอกเบี้ย ค้างรับ ส่งผลให้ล่าสุดเรามีการปรับประมาณการกําไรปี 2566 ลงจากเดิม มาอยู่ที่ 111 ล้านบาท อย่างไรก็ตามภาพรวมก่าไรปีนี้ยังเติบโตดีจากปี ก่อนถึง 44% จากการรับรู้รายได้ของพอร์ต NPL ที่ชื่อเข้ามาค่อนข้างมาก ในปีที่แล้ว โดยในปีนี้เราคาดเป้าซื้อหนี้จะอยู่ที่ราว 500 ล้านบาท
บทวิเคราะห์วันนี้
แนวรับ 1,646 แนวต้าน 1,665
• BCP (ชื่อเก๋งค่าไร ราคาเป้าหมาย 40 บาท) กําไร 4Q22 ลดลงเหลือ 473 ล้านบาท ธุรกิจการตลาด, โรงไฟฟ้า และธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติอ่อนตัว
• TU: Stock comment (ชื่อ ราคาเป้าหมาย 21 บาท) กําไร 4065 ต่ํากว่าคาดจาก Fx Loss
• MAKRO: Stock Comment กําาไรโตติพร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น CP Axtra (CPAXT)
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities