รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

สรุปภาพรวมตลาดตั้งแต่เปิดตลาดในช่วงเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา Part 1

เผยแพร่ 21/09/2565 07:13
อัพเดท 09/07/2566 17:32
เรามาสรุปกันครับ ทำไมตลาดหุ้นทั่วโลกถึงได้ร่วงลงอย่างหนักตั้งแต่เปิดตลาดเอเชียจนถึงในช่วงเย็นของวันจันทร์ ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ DXY แข็งค่าขึ้นตลอดทั้งวัน ขณะที่ราคาทองคำ น้ำมัน และ BTC ETH ก็ได้ไหลลงเรื่อยๆตลอดทั้งวันเช่นกัน ก่อนที่จะมีการฟื้นตัวขึ้นในช่วงการเปิดตลาดสหรัฐในวันจันทร์ที่ผ่านมา

ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดลบในวันนี้ ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐที่ปิดร่วงลงในวันศุกร์ (16 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ทั้งนี้ ดัชนีฮั่งเส็งเปิดวันนี้ที่ 18,695.35 จุด ลดลง 66.34 จุด หรือ 0.35%

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เตือนว่า แนวโน้มเศรษฐกิจโลกยังคงมีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะขาลง และคาดว่าเศรษฐกิจของบางประเทศจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2566 ทั้งนี้ IMF ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2565 ลงสู่ระดับ 3.2% และปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจในปี 2566 ลงเหลือ 2.9%

ทางด้านธนาคารโลกออกรายงานเตือนว่า เศรษฐกิจโลกกำลังเข้าใกล้ภาวะถดถอย เนื่องจากธนาคารกลางทั่วโลกกำลังปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยพร้อมกันเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ โดยเศรษฐกิจของสหรัฐ จีน และยูโรโซนได้ชะลอตัวลงอย่างรุนแรง และเศรษฐกิจโลกอาจเผชิญภาวะถดถอยในปีหน้า

ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดลบในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาธนาคารกลางจีนเตรียมแถลงอัตราดอกเบี้ยลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปีและ 5 ปีในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ย.)

ทั้งนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดวันนี้ที่ 3,122.76 จุด ลดลง 3.64 จุด หรือ -0.11%

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีนจะคงอัตราดอกเบี้ย LPR ไว้ที่ระดับเดิม หลังจากประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปีซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของจีนไว้ที่ระดับ 2.75% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

เมืองเฉิงตู ซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลเสฉวนของจีน ประกาศยุติการใช้มาตรการล็อกดาวน์แล้วในวันนี้ (19 ก.ย.) ซึ่งจะทำให้ประชาชน 21 ล้านคนของเมืองนี้สามารถเดินทางออกจากบ้านและกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติอีกครั้ง หลังจากที่ต้องอยู่ภายใต้มาตรการที่เข้มงวดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา

เทศบาลเมืองเฉิงตูแถลงว่า โรงเรียนต่าง ๆ จะได้รับอนุญาตให้เปิดการเรียนการสอนตามปกติในวันนี้ ส่วนสถานที่สาธารณะ เช่นภัตตาคาร พิพิธภัณฑ์ ยิม และสถานพักผ่อนหย่อนใจ จะกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง

อย่างไรก็ดี เทศบาลเมืองเฉิงตูระบุว่า แม้ขณะนี้มีการยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์แล้ว ประชาชนในเมืองเฉิงตูจะต้องได้รับการตรวจเชื้อโควิด-19 สัปดาห์ละ 1 ครั้ง และผู้ที่มีผลตรวจเป็นลบภายในเวลา 72 ชั่วโมงเท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าไปยังสถานที่สาธารณะและใช้บริการระบบขนส่งมวลชน เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางเดียวกันกับเมืองอื่น ๆ ของจีนเช่นปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้

ตลาดหุ้นเอเชียเปิดลบในวันนี้ ขณะที่ นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในสัปดาห์นี้

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 18,695.35 จุด ลดลง 66.34 จุด หรือ -0.35% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,122.76 จุด ลดลง 3.64 จุด หรือ -0.11%

ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้ (19 ก.ย.) เนื่องในวันผู้สูงอายุ

พายุไต้ฝุ่นนันมาดอลเคลื่อนตัวเข้าสู่เกาะคิวชู ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศญี่ปุ่นในวันนี้ (19 ก.ย.) ยังผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 12 คน

ทั้งนี้ สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ไต้ฝุ่นนันมาดอลมีแนวโน้มเคลื่อนตัวไปทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือหลังจากผ่านเกาะฮอนชูในวันพรุ่งนี้ ขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นประกาศเตือนภัยกระแสลมรุนแรง คลื่นสูง และดินโคลนถล่มแบบต่อเนื่องทั่วพื้นที่ภาคตะวันตกจนถึงภาคเหนือของญี่ปุ่น

ในช่วงเที่ยงวันนี้ นันมาดอล ซึ่งเป็นพายุลูกที่ 14 ของฤดูมรสุมปีนี้ได้เคลื่อนตัวเข้าใกล้เมืองฮากิ ของจังหวัดยามางุจิ ทางภาคตะวันตกของญี่ปุ่นด้วยความเร็วลมประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ขณะที่ นายโคอิจิ ทานิ รัฐมนตรีฝ่ายบริหารจัดการภัยพิบัติญี่ปุ่นเปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ แห่งญี่ปุ่นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่รัฐบาล "เดินหน้าประเมินความเสียหายโดยเร็วที่สุด พร้อมใช้มาตรการจำเป็นทั้งหมดเพื่อรับมือกับภัยธรรมชาติในครั้งนี้"

นอกจากนี้ นายกฯคิชิดะตัดสินใจเลื่อนกำหนดการเดินทางไปยังนครนิวยอร์กของสหรัฐออกไป 1 วัน เพื่อจับตาสถานการณ์ภัยพิบัติภายในประเทศ โดยเขาจะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้แทน

ธนาคารกลางจีน (PBOC) ลดอัตราดอกเบี้ยธุรกรรมการซื้อหลักทรัพย์โดยมีสัญญาขายคืน (Reverse Repo) ระยะ 14 วันในวันนี้ (19 ก.ย.) พร้อมยกระดับการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบธนาคาร เพื่อรับมือกับอุปสงค์ที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงใกล้สิ้นสุดไตรมาส 3/2565

ทั้งนี้ PBOC ประกาศอัดฉีดเงิน 2 พันล้านหยวน (286.54 ล้านดอลลาร์) เข้าสู่ระบบการเงินผ่านข้อตกลง Revers Repo ระยะ 7 วัน และอีก 1 หมื่นล้านหยวนผ่านข้อตกลง Reverse Repo ระยะ 14 วัน

PBOC เปิดเผยว่า การอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบการเงินรายวันเพิ่มมากขึ้นครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อรักษาระดับสภาพคล่องให้มีเสถียรภาพในช่วงสิ้นไตรมาส 3/2565 โดยเพิ่มขึ้นจากการอัดฉีดเงินวันละ 2 พันล้านหยวนนับตั้งแต่เดือนก.ค.

นอกจากนี้ การอัดฉีดเงินครั้งล่าสุดนี้ยังถือเป็นการกลับมาดำเนินการผ่านข้อตกลง Reverse Repo ระยะ 14 วันครั้งแรกของ PBOC นับตั้งแต่ปลายเดือนม.ค. ขณะที่ ลดอัตราดอกเบี้ย Reverse Repo ระยะ 14 วันลง 0.10% สู่ 2.15% จากเดิมอยู่ที่ 2.25%

การปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวสอดคล้องกับการตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยสำคัญบางส่วนในเดือนส.ค.ของ PBOC ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ย Reverse Repo ระยะ 7 วัน เพื่อฟื้นฟูอุปสงค์สินเชื่อและพยุงเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว

ข้อมูลล่าสุดจาก FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ตลาดการเงินปรับตัวรับโอกาส 82% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.75% ในวันพุธที่ 21 ก.ย.นี้

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ในผลสำรวจที่จัดทำโดยสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่า BOJ จะตรึงอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ที่ระดับต่ำเป็นพิเศษต่อไปในการประชุมวันพุธนี้

ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าปรับตัวลง ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐที่ปิดร่วงลงในวันศุกร์ (16 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เตือนว่า แนวโน้มเศรษฐกิจโลกยังคงมีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะขาลง และคาดว่าเศรษฐกิจของบางประเทศจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2566

ดัชนีฮั่งเส็งปิดภาคเช้าที่ระดับ 18,580.87 จุด ลดลง 180.82 จุด หรือ -0.96%

ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าลดลงในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนชะลอการลงทุนก่อนธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จัดประชุมนโยบายการเงินในสัปดาห์นี้ ขณะที่ ตลาดญี่ปุ่นปิดทำการเนื่องในวันหยุดนักขัตฤกษ์ ทำให้ปริมาณการซื้อขายเบาบาง

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 18,580.87 จุด ขยับลง 180.82 จุด หรือ -0.96% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,121.46 จุด ลดลง 4.93 จุด หรือ -0.16%

ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้ (19 ก.ย.) เนื่องในวันผู้สูงอายุ

รัฐบาลญี่ปุ่นแถลงว่า นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นตัดสินใจเลื่อนกำหนดการเดินทางเยือนนครนิวยอร์กออกไปเป็นเวลา 1 วัน โดยจะเปลี่ยนไปออกเดินทางในวันอังคารที่ 20 ก.ย.นี้แทน เพื่อติดตามความเสียหายที่เกิดจากพายุไต้ฝุ่นนันมาดอล หลังพายุลูกดังกล่าวบุกขึ้นฝั่งทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น

สำนักข่าวโตเกียวรายงานว่า ตามกำหนดการเดิมแล้ว นายกฯคิชิดะจะต้องเดินทางออกจากญี่ปุ่นในช่วงบ่ายวันนี้ (19 ก.ย.) เพื่อกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UN) ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่ผู้นำญี่ปุ่นขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในการอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมจริงนับตั้งแต่ พ.ศ.2562

ทั้งนี้ การเลื่อนกำหนดการเยือนนิวยอร์กของผู้นำญี่ปุ่นมีขึ้น เนื่องจากคาดการณ์ว่า ไต้ฝุ่นนันมาดอลจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างตั้งแต่ภาคตะวันตกจนถึงฝั่งตอนเหนือของญี่ปุ่น โดยคาดการณ์ว่าหลังคลื่นพายุซัดขึ้นฝั่งบนเกาะคิวชูแล้วจะเคลื่อนตัวผ่านเกาะฮอนชูในวันพรุ่งนี้

ขณะที่ นายฮิโรคาซุ มัตสึโนะ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยว่า นายกฯคิชิดะมีแผนจัดประชุมทวิภาคีกับผู้นำคนอื่น ๆ ขณะเดินทางเยือนนครนิวยอร์กในครั้งนี้ นอกจากนี้ นายกฯคิชิดะยังวางแผนที่จะตอกย้ำถึงความท้าทายระดับโลกที่ประชาคมโลกกำลังเผชิญ เช่น การปฏิรูปคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) รวมถึงการปลดอาวุธนิวเคลียร์และการไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์

นางเมิ่ง เหวย โฆษกคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) เปิดเผยในวันนี้ (19 ก.ย.) ว่า จีนจะเร่งอัดฉีดเงินทุนเพื่อเริ่มโครงการก่อสร้างให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ

นางเมิ่งเสริมด้วยว่า รากฐานของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศยังคงอ่อนแอ แม้ว่าตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจหลักจะแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เศรษฐกิจจีนกระเตื้องขึ้นในเดือนส.ค. เนื่องจากผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกที่เติบโตเร็วกว่าคาด ช่วยหนุนการฟื้นตัวอันเปราะบางของเศรษฐกิจจีน หลังรอดพ้นจากภาวะหดตัวได้แบบเฉียดฉิวในไตรมาส 2 ของปีนี้

นางเมิ่ง เหวย โฆษกคณะกรรมการการพัฒนาและปฏิรูปของจีน (NDRC) แถลงข่าวในวันนี้ (19 ก.ย.) ว่า NDRC ได้ทำการอนุมัติโครงการลงทุนสินทรัพย์ถาวรไปทั้งสิ้น 9 โครงการในเดือนส.ค. โดยคิดเป็นมูลค่ารวม 8.02 หมื่นล้านหยวน (1.144 หมื่นล้านดอลลาร์)

ทั้งนี้ การอนุมัติโครงการลงทุนสินทรัพย์ถาวรในเดือนส.ค.นั้นเทียบกับ 8 โครงการ มูลค่า 2.368 แสนล้านหยวนที่อนุมัติในเดือนก.ค.

เศรษฐกิจจีนกระเตื้องขึ้นในเดือนส.ค. เนื่องจากการเติบโตที่เร็วกว่าคาดของการผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกช่วยหนุนการฟื้นตัวอันเปราะบาง อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจจีนยังคงถูกถ่วงจากวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ภายในประเทศ

สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมซึ่งเป็นมาตรวัดภาวะเศรษฐกิจที่สำคัญของจีน ปรับตัวขึ้น 4.2% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งแข็งแกร่งกว่าในเดือนก.ค.ที่เพิ่มขึ้น 3.8% และดีกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของรอยเตอร์คาดไว้ว่าอาจจะเพิ่มขึ้น 3.8%

ส่วนยอดค้าปลีกเดือนส.ค.ของจีนพุ่งขึ้น 5.4% แข็งแกร่งกว่าในเดือนก.ค.ที่ปรับตัวขึ้น 2.4% และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.5% ข้อมูลดังกล่าวส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจจีนเริ่มฟื้นตัว หลังจากได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการทรุดตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์, การใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโรคโควิด-19 รวมทั้งอุปสงค์ที่อ่อนแอลงทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ

ยูบีเอส (UBS) วาณิชธนกิจชั้นนำเปิดเผยว่า บรรดานักเศรษฐศาสตร์ยังคงมองภาพรวมเศรษฐกิจจีนเป็นขาลง แม้ข้อมูลเศรษฐกิจหลายภาคส่วนของจีนเมื่อสัปดาห์ก่อนซึ่งรวมถึง ยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมจะออกมาแข็งแกร่งกว่าที่คาด

ทั้งนี้ UBS ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนลงจาก 3% เหลือ 2.7% ในปี 2565 และจาก 5.4% ลงเหลือ 4.6% ในปี 2566

นางเถา หวัง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จีนจาก UBS ระบุว่า ในขณะที่นโยบายบางส่วนในปัจจุบันจะเห็นผลมากขึ้นในไตรมาส 4/2565 แต่สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อเศรษฐกิจช่วงฤดูหนาวและในช่วงต้นปี 2566 รวมถึงการส่งออกจะชะลอตัวลงด้วย

อย่างไรก็ตาม การปรับคาดการณ์ปี 2566 นั้นอ้างอิงจากคาดการณ์ที่ว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะกลับมามีเสถียรภาพในไม่ช้า และจะมีการผ่อนปรนข้อจำกัดด้านโควิด-19 ลงตั้งแต่เดือนมี.ค.เป็นต้นไป

ด้านนางแมตตี เบคกิง ผู้อำนวยการอีโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ คอร์ปอเรต เน็ตเวิร์กประจำประเทศจีน ได้ให้ความเห็นในรายการ "Squawk Box Asia" ของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีไว้ว่า ข้อจำกัดต่าง ๆ ของจีนได้ฉุดความเชื่อมั่นของนักลงทุนและคาดว่าน่าจะยังไม่ฟื้นตัวในเร็ว ๆ นี้

รัฐบาลเซี่ยงไฮ้เปิดเผยว่า เทสลาเสร็จสิ้นโครงการขยายกำลังการผลิตที่โรงงานของเทสลาในเซี่ยงไฮ้แล้วในวันนี้ (19 ก.ย.) โดยจะเริ่มทดสอบสายการผลิตใหม่ในระหว่างวันที่ 19 ก.ย.-30 พ.ย.

ก่อนหน้านี้สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เทสลาเร่งเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อให้โรงงานที่เซี่ยงไฮ้สามารถผลิตรถรุ่น Model 3 และ Model Y ได้ตามเป้าที่ประมาณ 22,000 คันต่อสัปดาห์

ดัชนีสำคัญส่วนใหญ่ในเอเชียปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์กันในวงกว้างว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในสัปดาห์นี้

ความวิตกกังวลเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้ตลาดหุ้นต่าง ๆ ปรับตัวลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเชิงรุกจากผลพวงของข้อมูลเงินเฟ้อที่ร้อนแรงกว่าคาดการณ์ของสหรัฐ

ข้อมูลล่าสุดจาก FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ตลาดการเงินปรับตัวรับโอกาส 82% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.75% ในวันพุธที่ 21 ก.ย.นี้

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ในผลสำรวจที่จัดทำโดยสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่า BOJ จะตรึงอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ที่ระดับต่ำเป็นพิเศษต่อไปในการประชุมวันพุธนี้

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดลบในวันนี้ ตามทิศทางตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในเอเชียที่ปรับตัวลงในวันนี้ ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะประชุมนโยบายการเงินในสัปดาห์นี้

ดัชนี S&P/ASX 200 ปิดที่ 6,719.90 จุด ลดลง 19.20 จุด หรือ -0.28% และดัชนี All Ordinaries ปิดที่ 6,948.60 จุด ลดลง 26.60 จุด หรือ -0.38%

นายโจนาธาน เคิร์นส์ เจ้าหน้าที่อาวุโสของธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นในออสเตรเลียจะส่งผลกระทบต่อราคาอสังหาริมทรัพย์และการกู้ยืมเงิน อย่างไรก็ดี RBA จะทำการประเมินเกี่ยวกับขนาดและระยะเวลาของผลกระทบที่มีต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์

ธนาคารกลางออสเตรเลียประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.50% สู่ระดับ 2.35% ในการประชุมเมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดเงินเฟ้อซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น

การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ของออสเตรเลียปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตามไปด้วย ซึ่งจะทำให้ประชาชนต้องจ่ายอัตราดอกเบี้ยเงินกู้รายเดือนเพื่อการซื้อบ้านเพิ่มขึ้นราว 200 ดอลลาร์ต่อเดือนสำหรับวงเงินกู้ 700,000 ดอลลาร์

นายเคิร์นส์กล่าวว่า "การที่ธนาคารกลางปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย มีแนวโน้มที่จะทำให้ปริมาณการกู้ยืมลดลงราว 20% ส่วนระยะเวลาของการเกิดผลกระทบดังกล่าวอาจไม่แน่นอน เนื่องจากปัจจัยที่มีส่วนในการผลักดันอัตราดอกเบี้ย เช่นการขยายตัวของรายได้นั้น สามารถส่งผลกระทบโดยตรงต่ออุปสงค์ที่อยู่อาศัย"

ทั้งนี้ ราคาบ้านของออสเตรเลียปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่ธนาคารกลางออสเตรเลียเริ่มคุมเข้มนโยบายการเงิน ขณะที่ตลาดหุ้นออสเตรเลียร่วงลงอย่างหนักเนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลให้ศรษฐกิจถดถอย

นักลงทุนจับตาการประชุมเฟดในวันที่ 20-21 ก.ย.นี้ ขณะที่ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 86% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.00-3.25% ในการประชุมครั้งนี้ และให้น้ำหนัก 14% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00%

ทั้งนี้ หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในเดือนก.ย. ก็จะส่งผลให้เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 หลังจากปรับขึ้น 0.75% ทั้งในเดือนมิ.ย.และก.ค. และหากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% ก็จะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 40 ปี

ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดลดลงกว่า 1% ในวันนี้ โดยปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่อีกครั้งในสัปดาห์นี้

ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ (KOSPI) ปิดวันนี้ที่ 2,355.66 จุด ลดลง 27.12 จุด หรือ -1.14% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค. เมื่อดัชนีแตะ 2,330.98 โดยมีปริมาณซื้อขายเบาบางที่ 395.3 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 6.7 ล้านล้านวอน (4.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) และมีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในสัดส่วน 749 ต่อ 143 ตัว
หุ้นซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวขึ้น 0.36%, หุ้นเอสเค ไฮนิกซ์ร่วง 1.32% และหุ้นเนเวอร์ร่วง 0.91%

ทางการเกาหลีใต้ยกระดับการควบคุมดูแลตลาดปริวรรตเงินตรา หลังเงินวอนของเกาหลีใต้เคลื่อนไหวใกล้ระดับสำคัญทางจิตวิทยาที่ 1,400 วอนต่อดอลลาร์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์โคเรีย อิโคโนมิกรายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจากแหล่งข่าวในวันนี้ (19 ก.ย.) ว่า รัฐบาลเกาหลีใต้ได้กำชับให้ธนาคารพาณิชย์ในประเทศรายงานสถานะการทำธุรกรรมดอลลาร์สหรัฐและสถานะที่เกี่ยวข้องกับปริวรรตเงินตราทุกชั่วโมง อันเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการยกระดับการเฝ้าระวังตลาดเงินตรา

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ รัฐบาลเกาหลีใต้กำหนดให้ธนาคารพาณิชย์รายงานสถานะเกี่ยวกับปริวรรตเงินตราวันละ 3 ครั้ง ได้แก่ช่วงเช้า พักกลางวัน และหลังปิดตลาด ก่อนสั่งให้เปลี่ยนมารายงานทุกชั่วโมงในวันศุกร์ที่ 16 ก.ย.

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ยกระดับการกำกับดูแลตลาด หลังจากที่เงินวอนร่วงสู่ระดับ 1,399.95 วอนต่อดอลลาร์สหรัฐในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับอ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2552 แม้ทางการได้เข้าแทรกแซงโดยวาจาหลายต่อหลายครั้ง เพื่อสกัดการอ่อนค่าของเงินวอน

ขณะนี้ สกุลเงินต่าง ๆ ของตลาดเกิดใหม่เอเชียตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าคุมเข้มนโยบายการเงินด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมถึงเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงและวิกฤตพลังงานของยุโรปได้กระตุ้นความวิตกกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดลบในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐประกาศว่า สหรัฐพร้อมจะปกป้องไต้หวันจากการรุกราน

ทั้งนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,115.60 จุด ลดลง 10.80 จุด หรือ -0.35%

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐให้สัมภาษณ์ในรายการ "60 Minutes" ของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสว่า กองกำลังทหารของสหรัฐพร้อมที่จะปกป้องไต้หวัน หากมีการโจมตีไต้หวันอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งถือเป็นการเน้นย้ำคำมั่นสัญญาของสหรัฐที่มีต่อไต้หวันในช่วงเวลาที่การรุกรานของจีนเคลื่อนตัวเข้าใกล้ชายฝั่งของเกาะไต้หวัน

เมื่อผู้ดำเนินรายการถามว่า สหรัฐจะปกป้องไต้หวันหรือไม่ ปธน.ไบเดนตอบอย่างไม่ลังเลว่า "แน่นอน เราจะปกป้องไต้หวันหากเกิดการโจมตีอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน" แต่หลีกเลี่ยงคำถามเกี่ยวกับการเป็นเอกราชของไต้หวัน

อย่างไรก็ตาม ปธน.ไบเดนเน้นย้ำถึงจุดยืนที่ไม่เปลี่ยนแปลงของสหรัฐต่อนโยบายจีนเดียว โดยกล่าวว่า "เราเห็นพ้องกับสิ่งที่เราลงนามเมื่อไม่นานมานี้ เกี่ยวกับนโยบายจีนเดียวและการที่ไต้หวันสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับเอกราชของตนเอง แต่เราไม่ได้แสดงท่าทีส่งเสริมให้ไต้หวันเป็นเอกราช เพราะเรื่องนั้นเป็นการตัดสินใจของไต้หวันเอง"

ปธน.ไบเดนเคยให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา โดยเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าสหรัฐพร้อมที่จะมีส่วนร่วมทางทหารหรือไม่หากจำเป็น ซึ่งปธน.ไบเดนกล่าวว่า "ใช่ นั่นคือคำมั่นสัญญาที่เราให้ไว้" ก่อนที่เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวจะออกมาแก้ต่างคำพูดดังกล่าวของปธน.ไบเดนในเวลาต่อมา

ทั้งนี้ นับตั้งแต่ปธน.ไบเดนแสดงความคิดเห็นเมื่อเดือนพ.ค. ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับจีนก็เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ และสถานการณ์รุนแรงมากขึ้นเมื่อนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ เดินทางเยือนไต้หวันเพื่อส่งสัญญาณสนับสนุนรัฐบาลและความเป็นประชาธิปไตยของไต้หวัน จนทำให้รัฐบาลสหรัฐต้องจัดการผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเยือนของนางเพโลซี

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ เตือนปธน.สี จิ้นผิง ผู้นำจีน ว่า หากจีนละเมิดมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย ก็จะถือเป็น "ความผิดพลาดครั้งมโหฬาร" แต่ยังไม่มีข้อมูลบ่งชี้ว่าจีนได้จัดหาอาวุธให้รัสเซียเพื่อใช้ในการบุกยูเครน

ปธน.ไบเดนให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ "60 Minutes" ของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส โดยกล่าวว่าเขาได้พูดคุยกับปธน.สีไม่นานหลังจากที่ปธน.สีพบกับปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ระหว่างการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่รัสเซียเริ่มบุกยูเครนหลังจากผ่านพิธีปิดเพียงไม่กี่วันให้หลัง

"หลังจากนั้นไม่นาน ผมก็โทรหาปธน.สี ผมไม่ได้ขู่อะไรนะ แค่บอกว่า 'เราเคยพบกันหลายครั้งแล้ว' แล้วผมก็บอกว่า 'ถ้าคุณคิดว่าคนอเมริกันและประเทศอื่น ๆ จะลงทุนในจีนต่อไปหลังจากที่คุณละเมิดมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียแล้วละก็ ผมว่าคุณกำลังทำผิดพลาดครั้งมโหฬาร'" ปธน.ไบเดนกล่าว

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ปธน.ไบเดนไม่ได้ระบุว่าการสนทนาทางโทรศัพท์ครั้งนั้นเกิดขึ้นเมื่อใด แต่ถ้อยแถลงดังกล่าวเป็นไปในทางเดียวกันกับข้อมูลจากฝั่งสหรัฐเกี่ยวกับการโทรศัพท์ระหว่างผู้นำทั้งสองในเดือนมี.ค. ซึ่งหลังจากช่วงนั้น รัฐบาลสหรัฐแถลงว่า ปธน.ไบเดน "บรรยายถึงนัยและผลที่ตามมาหากจีนให้การสนับสนุนด้านวัตถุแก่รัสเซีย ขณะที่รัสเซียดำเนินการโจมตีอย่างโหดเหี้ยมต่อเมืองและพลเมืองชาวยูเครน"

อย่างไรก็ดี ปธน.ไบเดนบอกกับทางซีบีเอสโดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า "จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีข้อมูลบ่งชี้ว่าจีนได้เสนออาวุธหรือสิ่งอื่นใดที่รัสเซียต้องการ"

นายแมทธิว ซัสเซ็กซ์ รองศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยกริฟฟิธ ประเทศออสเตรเลียวิเคราะห์ว่า จีน "ถือไพ่เหนือกว่า" ในความสัมพันธ์ระหว่างจีนและรัสเซียและคาดว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน จะไม่ปล่อยให้รัสเซียได้เคลื่อนไหวตามใจชอบอีกต่อไป

นายซัสเซ็กซ์มองว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและรัสเซียนั้นไม่เท่าเทียมกัน โดยจีนมีอำนาจเหนือกว่าในความสัมพันธ์นี้ และอ้างถึงข้อเท็จจริงที่ว่า รัสเซียต้องการจีนมากกว่าที่จีนต้องการรัสเซีย

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ความคิดเห็นดังกล่าวมีขึ้นหนึ่งวันหลังจากการพบกันระหว่างปธน.สีและประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียที่ประเทศอุซเบกิสถาน ในการประชุมสุดยอดขององค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) ณ เมืองซามาร์กันต์ ซึ่งนับเป็นการพบปะกันครั้งแรกของสองผู้นำ นับตั้งแต่ที่รัสเซียเปิดฉากสงครามกับยูเครนขึ้นเมื่อเดือนก.พ.

ทั้งนี้ ในระหว่างการพบกัน ปธน.สี กล่าวว่า จีน "พร้อมที่จะทำงานร่วมกับรัสเซีย" เพื่อสนับสนุน "ผลประโยชน์หลัก" ของกันและกัน ซึ่งครอบคลุมถึงความร่วมมือด้านการค้า การเกษตร และเครือข่ายต่าง ๆ

อย่างไรก็ตาม นายซัสเซ็กซ์มองว่า ความร่วมมือระหว่างจีนและรัสเซียอาจไม่ได้อยู่ในสถานะที่เท่าเทียมกัน โดยขณะที่จีนเดินหน้าซื้อน้ำมันราคาถูกจากรัสเซียอย่างต่อเนื่อง แต่จีนก็ปฏิเสธที่จะให้การสนับสนุนด้านอาวุธแก่รัสเซียเรื่อยมา และสิ่งนี้อาจเป็นเครื่องบ่งชี้ว่า แท้จริงแล้วจีนอาจมี "ความกังวลใจและความหงุดหงิดใจ" ต่อการจุดชนวนความขัดแย้งของรัสเซีย

กระทรวงพาณิชย์จีนเปิดเผยในวันนี้ (19 ก.ย.) ว่า ยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่หลั่งไหลเข้าสู่จีนแผ่นดินใหญ่ในช่วง 8 เดือนแรก เพิ่มขึ้น 16.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ระดับ 8.9274 แสนล้านหยวน

เมื่อพิจารณาในรูปสกุลเงินดอลลาร์ ยอด FDI เพิ่มขึ้น 20.2% แตะที่ 1.3841 แสนล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบรายปี

รายงานระบุว่า อุตสาหกรรมด้านการบริการมียอด FDI เพิ่มขึ้น 8.7% แตะที่ 6.6213 แสนล้านหยวน ในขณะที่อุตสาหกรรมไฮเทคของจีนมียอด FDI พุ่งขึ้น 33.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี

เมื่อตรวจสอบรายละเอียดแล้วจะพบว่า ยอด FDI ในการผลิตสินค้าไฮเทคพุ่งขึ้น 43.1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่ภาคบริการไฮเทคพุ่งขึ้น 31%

ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2565 ยอด FDI จากเกาหลีใต้ เยอรมนี ญี่ปุ่น และอังกฤษเพิ่มขึ้น 58.9%, 30.3%, 26.8% และ 17.2% ตามลำดับ

ในช่วงเดือนม.ค.-ส.ค. ยอด FDI ที่ไหลเข้าสู่พื้นที่ภาคตะวันตกของจีนเพิ่มขึ้น 43% เมื่อเทียบรายปี ตามด้วยภาคกลางที่ 27.6% และภาคตะวันออก 14.3%

นักลงทุนจับตาธนาคารกลางจีนเตรียมแถลงอัตราดอกเบี้ยลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปีและ 5 ปีในวันพรุ่งนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีนจะคงอัตราดอกเบี้ย LPR ไว้ที่ระดับเดิม หลังจากประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปีซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของจีนไว้ที่ระดับ 2.75% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดลดลงในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ในสัปดาห์นี้

ดัชนีฮั่งเส็งปิดตลาดที่ระดับ 18,565.97 จุด ลดลง 195.72 จุด หรือ -1.04%

หนังสือพิมพ์โอเรียลทัล เดลีรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า รัฐบาลฮ่องกงอาจประกาศจะยุติมาตรการกักตัวที่โรงแรมสำหรับนักเดินทางขาเข้า เพื่อพยายามฟื้นฟูเศรษฐกิจของฮ่องกง

รายงานระบุว่า การประกาศดังกล่าวอาจมีขึ้นได้เร็วสุดในสัปดาห์นี้ จากเดิมที่นักเดินทางขาเข้าต้องทำการกักตัวเพื่อสังเกตอาการเป็นเวลา 7 วัน อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการระบุวันที่แน่นอนที่จะบังคับใช้ เนื่องจากจะส่งผลต่อการดำเนินงานตามกำหนดที่มีอยู่แล้วของสายการบินและโรงแรมต่าง ๆ

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ฮ่องกงและจีนแผ่นดินใหญ่ได้ใช้มาตรการคุมโควิด-19 ที่เข้มงวดที่สุดในโลก แม้ประเทศส่วนใหญ่ในภูมิภาคจะยกเลิกมาตรการควบคุมและเปิดพรมแดนต้อนรับนักเดินทางต่างชาติอีกครั้งก็ตาม โดยการที่นักเดินทางที่เดินทางเข้าฮ่องกงต้องกักตัว 3 วันในโรงแรมที่กำหนด ตามด้วยการถูกสั่งห้ามเข้าบาร์และร้านอาหารอีก 4 วัน ทำให้เกิดคำถามว่า จะมีผู้เดินทางมาฮ่องกงเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดด้านการเงินของฮ่องกง และการแข่งรักบี้ 7 คนรายการ Hong Kong Sevens ในเดือนพ.ย.ปีนี้หรือไม่

ทั้งนี้ ฮ่องกงดำเนินมาตรการโควิด-19 เป็นศูนย์ (Covid Zero) ตามจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งเป็นนโยบายที่มุ่งเน้นการกำจัดโควิด-19 ให้หมดไป สวนทางกับประเทศอื่น ๆ ที่อนุญาตให้ประชาชนใช้ชีวิตร่วมกับโควิด-19

ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟด ซึ่งจะมีการประกาศการตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยในวันพุธที่ 21 ก.ย. ตามเวลาสหรัฐ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย