รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

ตลาดหุ้นจีนร่วงลง ทำให้ราคาทองคำและน้ำมันยังไม่สามารถฟื้นขึ้นได้

เผยแพร่ 15/09/2565 18:59
อัพเดท 09/07/2566 17:32

เราไปสรุปภาพรวมของตลาดหุ้นเอเชียตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมากันครับ

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดปรับตัวขึ้นในวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐที่ฟื้นตัวขึ้น แต่ตลาดปรับตัวขึ้นได้ไม่มากนักเนื่องจากนักลงทุนยังคงระมัดระวังในการซื้อขายก่อนการเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีกและข้อมูลเศรษฐกิจอื่น ๆ ของสหรัฐในวันนี้

ทั้งนี้ ดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 27,873.96 จุด เพิ่มขึ้น 55.34 จุด หรือ +0.20%

หุ้นที่ปรับตัวขึ้นในช่วงเช้านี้นำโดยกลุ่มขนส่งทางอากาศ, กลุ่มเหมืองแร่ และกลุ่มขนส่งทางบก

ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดตลาดปรับตัวลงในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างมากในสัปดาห์หน้า หลังจากการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่า เงินเฟ้อในสหรัฐยังคงอยู่ในระดับสูง

ดัชนีฮั่งเส็งเปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 18,833.90 จุด ลดลง 13.2 จุด หรือ -0.07%

เมื่อวันอังคาร (13 ก.ย.) กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค เพิ่มขึ้น 8.3% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.1% ซึ่งส่งผลให้ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างมากเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดบวกในวันนี้ หลังจีนประกาศยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์เมืองเฉิงตู โดยมีผลตั้งแต่วันนี้ (15 ก.ย.) หลังเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ทั้งนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดตลาดที่ระดับ 3,248.97 จุด เพิ่มขึ้น 11.43 จุด หรือ +0.35%

จีนประกาศยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์เมืองเฉิงตู โดยมีผลตั้งแต่วันนี้ (15 ก.ย.) หลังเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19

"ในวันที่ 15 กันยายน การผลิตและการดำเนินชีวิตประจำวันในเมืองเฉิงตูจะกลับสู่ภาวะปกติอย่างค่อยเป็นค่อยไป และเมืองเฉิงตูจะปรับมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามความเหมาะสม" แถลงการณ์ของเจ้าหน้าที่ระบุ

ทั้งนี้ เฉิงตู ซึ่งเป็นเมืองหลวงประจำมณฑลเสฉวน ได้อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์นับตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. หลังพบการระบาดของโควิด-19 โดยเฉิงตูเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของจีนซึ่งอยู่ภายใต้มาตรการดังกล่าวนับตั้งแต่ที่นครเซี่ยงไฮ้ถูกล็อกดาวน์ในเดือนเม.ย.และพ.ค.

อย่างไรก็ดี สถานที่สาธารณะ เช่น โรงเรียน อินเทอร์เน็ตคาเฟ่ สถานออกกำลังกาย สระว่ายน้ำ และห้องสมุดจะยังคงถูกปิดต่อไป

นอกจากนี้ จีนรายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ต่ำกว่า 1,000 รายติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ขณะที่ทางการจีนยังคงเดินหน้าใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Zero-COVID) ก่อนการประชุมสมัชชาใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในเดือนหน้า

จีนพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 958 รายในวันอังคาร (13 ก.ย.) หลังพบ 915 รายในวันจันทร์ (12 ก.ย.) โดยรวมถึง 18 รายในกรุงปักกิ่ง ซึ่งพบการแพร่ระบาดมากขึ้นในวิทยาลัยและโรงเรียนมัธยมในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยผู้ติดเชื้อในกรุงปักกิ่งทั้งหมดได้ถูกแยกกักตัวแล้ว

ทั้งนี้ ยอดผู้ติดเชื้อโควิดรายวันทั่วประเทศปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง จากระดับสูงสุดเมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ 3,424 ราย

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ทางการจีนได้คุมเข้มมาตรการสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณรอบกรุงปักกิ่งก่อนการประชุมผู้นำระดับสูงของจีน โดยพื้นที่ใกล้กรุงปักกิ่งเผชิญกับมาตรการล็อกดาวน์ การตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เข้มงวดขึ้น ตลอดจนการคุมเข้มการเดินทางภายในประเทศในช่วงเดือนหน้า

พื้นที่ประมาณครึ่งหนึ่งของกรุงปักกิ่งซึ่งมีประชากร 21 ล้านคนนั้น ได้เริ่มอนุญาตให้ผู้อยู่อาศัยเดินทางออกจากบ้านหรือบริเวณที่อยู่อาศัยแล้ว อย่างไรก็ตาม ธุรกิจที่ไม่มีความจำเป็นส่วนใหญ่รวมถึงสถานบันเทิงและโรงเรียนยังคงปิดทำการ ส่วนเขตที่มีประชากรอาศัยมากที่สุดอย่างน้อย 7 เขตนั้นยังคงถูกล็อกดาวน์ต่อไป

ตลาดหุ้นเอเชียเปิดการซื้อขายในวันนี้แบบผสมผสาน หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐฟื้นตัวขึ้น และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐแสดงให้เห็นว่าราคาค้าส่งปรับตัวลง 0.1% ในเดือนส.ค. ท่ามกลางความวิตกกังวลเรื่องเงินเฟ้อ ขณะที่นักลงทุนยังคงระมัดระวังในการซื้อขายก่อนการเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีกและข้อมูลเศรษฐกิจอื่น ๆ ของสหรัฐในวันนี้

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,873.96 จุด เพิ่มขึ้น 55.34 จุด หรือ +0.20%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 18,833.90 จุด ลดลง 13.20 จุด หรือ -0.07% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,248.97 จุด เพิ่มขึ้น 11.43 จุด หรือ +0.35%

สำนักงานสถิติแห่งชาตินิวซีแลนด์รายงานในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาส 2/2565 ขยายตัว 1.7% ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวหลังจากที่ GDP หดตัวลง 0.2% ในไตรมาสแรก

GDP ไตรมาส 2 ของนิวซีแลนด์ได้รับปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของภาคบริการ โดยภาคบริการมีสัดส่วนสูงถึง 2 ใน 3 ของระบบเศรษฐกิจนิวซีแลนด์

รูวานี รัทนายาเก ผู้จัดการอาวุโสด้านอุตสาหกรรมและการผลิตของสำนักงานสถิติแห่งชาตินิวซีแลนด์กล่าวว่า ในไตรมาส 2 ปีนี้ ภาคครัวเรือนและนักท่องเที่ยวต่างชาติมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในด้านการเดินทางและที่พักอาศัย, การรับประทานอาหารนอกบ้าน, กีฬา และกิจกรรมสันทนาการ

ทั้งนี้ การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 2/2565 ได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลนิวซีแลนด์ผ่อนคลายข้อจำกัดด้านการเดินทาง

นิวซีแลนด์กลับมาเปิดพรมแดนอย่างเต็มรูปแบบเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. ซึ่งเป็นการเปิดพรมแดนเต็มรูปแบบครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 โดยรัฐบาลอนุญาตให้นักท่องเที่ยวที่ต้องใช้วีซ่าและผู้ที่ถือวีซ่านักเรียนเดินทางกลับนิวซีแลนด์ได้ และอนุญาตให้เรือสำราญและเรือยอทช์จากต่างชาติจอดเทียบท่าที่ท่าเรือนิวซีแลนด์ได้เช่นกัน

คณะกรรมการประจำวุฒิสภาสหรัฐได้อนุมัติร่างกฎหมายเมื่อวันพุธ (14 ก.ย.) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการสนับสนุนของสหรัฐต่อไต้หวัน โดยรวมถึงการจัดสรรเงินช่วยเหลือด้านความมั่นคงมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ท่ามกลางแรงกดดันของจีนที่เพิ่มขึ้นต่อไต้หวัน

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดนยินดีที่ทั้งสองพรรคได้ร่วมกันสนับสนุนไต้หวัน และต้องการที่จะร่วมงานกับสภาคองเกรสเพื่อเสริมความแข็งแกร่งในเรื่องนี้ต่อไป แต่ก็ต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังในการผ่านร่างกฎหมายนี้ เนื่องจากจะสร้างความไม่พอใจให้กับจีนอย่างแน่นอน

นางแครีน ฌ็อง ปิแอร์ โฆษกประจำทำเนียบขาวได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวก่อนร่างกฎหมายผ่านการอนุมัติของคณะกรรมการวิเทศสัมพันธ์ประจำวุฒิสภาว่า "ร่างกฎหมายดังกล่าวจะต้องผ่านกระบวนการต่าง ๆ จำนวนมากก่อนจะได้ข้อสรุป ดังนั้น เราจะปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอน"

ด้านวุฒิสมาชิกโรเบิร์ต เมเนนเดซ ประธานคณะกรรมการฯ ระบุในการแถลงข่าวว่า กฎหมายนโยบายไต้หวัน (Taiwan Policy Act) จะจัดสรรงบประมาณสนับสนุนด้านความมั่นคงมูลค่า 4.5 พันล้านดอลลาร์ให้แก่ไต้หวันตลอดระยะเวลา 4 ปี พร้อมจัดตั้งระบบการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจกับจีนเป็นวงกว้างสำหรับการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์กับไต้หวัน

วุฒิสมาชิกเมเนนเดซจากพรรคเดโมแครตยังได้เน้นย้ำว่า หัวใจสำคัญของร่างกฎหมายนี้คือ "การป้องกันและการส่งเสริมขีดความสามารถของไต้หวัน" รวมถึงความชัดเจนที่ว่า สหรัฐจะไม่แสวงหาสงครามหรือสร้างความตึงเครียดเพิ่มขึ้นกับจีน

นักเศรษฐศาสตร์ในผลสำรวจที่จัดทำโดยสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีน (PBOC) จะคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปีไว้ไม่เปลี่ยนแปลงที่ระดับ 2.75%

ส่วนออสเตรเลียมีกำหนดเผยแพร่ข้อมูลการว่างงานเดือนส.ค.ในวันนี้ โดยคาดการณ์ว่าจะทรงตัวที่ 3.4% เมื่อเทียบกับเดือนก.ค.

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดปรับตัวขึ้นในเช้าวันนี้ จากแรงช้อนซื้อหุ้นราคาถูกหลังจากนิกเกอิปิดร่วงหนักเมื่อวานนี้ แต่ตลาดปรับตัวขึ้นได้ไม่มากนัก เนื่องจากนักลงทุนคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก หลังจากการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่า เงินเฟ้อในสหรัฐยังคงอยู่ในระดับสูง

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดภาคเช้าที่ระดับ 27,946.20 จุด เพิ่มขึ้น 127.58 จุด หรือ +0.46%

หุ้นที่ปรับตัวขึ้นในช่วงเช้านี้นำโดยกลุ่มขนส่งทางอากาศ, กลุ่มขนส่งทางบก และกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า

ญี่ปุ่นขาดดุลการค้ารายเดือนสูงเป็นประวัติการณ์ในเดือนส.ค. เนื่องจากนำเข้าเชื้อเพลิงราคาแพงเพิ่มขึ้นและเงินเยนอ่อนค่าลงอย่างรุนแรง ซึ่งบ่งชี้ให้เห็นถึงความเปราะบางของเศรษฐกิจญี่ปุ่นต่อแรงกดดันด้านราคาจากต่างประเทศ

กระทรวงการคลังญี่ปุ่นรายงานว่า ยอดนำเข้าพุ่งขึ้น 49.9% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นผลจากต้นทุนการนำเข้าน้ำมันดิบ ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ (LNG) และทำให้ยอดขาดดุลการค้าปรับตัวขึ้นสู่ 2.8173 ล้านล้านเยน (1.971 หมื่นล้านดอลลาร์) ซึ่งเป็นยอดขาดดุลการค้าครั้งใหญ่สุดเป็นประวัติการณ์

การปรับตัวขึ้นของยอดนำเข้าในเดือนส.ค.นั้น สูงกว่าการคาดการณ์เฉลี่ยของตลาดที่คาดว่าอาจปรับตัวขึ้น 46.7% ในผลสำรวจที่จัดทำโดยสำนักข่าวรอยเตอร์ และสูงกว่ายอดส่งออกที่ปรับตัวขึ้น 22.1% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายปี

ทั้งนี้ ญี่ปุ่นมียอดขาดดุลการค้าติดต่อกันเป็นเดือนที่ 13 แล้วในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี และสูงกว่ายอดขาดดุลที่คาดการณ์ไว้ในผลสำรวจของรอยเตอร์ที่ 2.3982 ล้านล้านเยน

เมื่อเทียบเป็นรายประเทศ ยอดส่งออกไปยังจีนซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น เติบโต 13.5% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี โดยได้รับแรงหนุนจากการส่งออกรถยนต์ที่แข็งแกร่งขึ้น เช่น รถยนต์พลังงานไฮบริด

ด้านการส่งออกไปยังสหรัฐซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับหนึ่งของโลกนั้นขยายตัว 33.8% ในเดือนส.ค. โดยส่วนใหญ่แล้วเป็นผลมาจากการส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ที่แข็งแกร่งขึ้น

ทำให้สกุลเงินเยน JPY มีการอ่อนค่าลงในช่วงเช้า คู่สกุลเงิน USDJPY EURJPY GBPJPY CADJPY AUDJPY NZDJPY CHFJPY มีการปรับตัวขึ้นทั้งหมด

และสกุลเงินเยน JPY ยังถูกกดดันจากการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นญี่ปุ่นฟิวเจอร์ส รวมไปถึงการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นเอเชียอีกด้วย

ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้นในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นหลังจากที่ฮั่งเส็งปิดร่วงกว่า 400 จุดเมื่อวานนี้ (14 ก.ย.) หลังสหรัฐเปิดเผยเงินเฟ้อพุ่งสูงเกินคาด ทำให้นักลงทุนวิตกว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่

ดัชนีฮั่งเส็งปิดภาคเช้าที่ระดับ 18,934.50 จุด เพิ่มขึ้น 87.40 จุด หรือ +0.46%

ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าบวกเป็นส่วนใหญ่ในวันนี้ หลังจากปิดลบเมื่อวานพุธ (14 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐที่ฟื้นตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐแสดงให้เห็นว่าราคาค้าส่งปรับตัวลง 0.1% ในเดือนส.ค. ท่ามกลางความวิตกกังวลเรื่องเงินเฟ้อ ขณะที่นักลงทุนยังคงระมัดระวังในการซื้อขายก่อนการเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีกและข้อมูลเศรษฐกิจอื่น ๆ ของสหรัฐในวันนี้

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 27,946.20 จุด เพิ่มขึ้น 127.58 จุด หรือ +0.46%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 18,934.50 จุด เพิ่มขึ้น 87.40 จุด หรือ +0.46% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,204.88 จุด ลดลง 32.66 จุด หรือ -1.01%

ธนาคารกลางจีน (PBOC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปีซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของจีนไว้ที่ระดับ 2.75% ตามความคาดหมายของนักเศรษฐศาสตร์ในผลสำรวจที่จัดทำโดยสำนักข่าวรอยเตอร์

ธนาคารกลางจีน (PBOC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในวันนี้ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจทำให้จีนยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยลูกค้าชั้นดี (LPR) ในสัปดาห์หน้า หลังจากที่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ คณะกรรมการ PBOC มีมติคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปีซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของจีนไว้ที่ระดับ 2.75%

ขณะเดียวกัน PBOC ได้อัดฉีดสภาพคล่องมูลค่า 4 แสนล้านหยวน (5.745 หมื่นล้านดอลลาร์) ผ่านเครื่องมือด้านการเงิน และอัดฉีดสภาพคล่องมูลค่า 2 พันล้านหยวนผ่านทางข้อตกลง reverse repurchase

เมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา PBOC ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย MLF ลง 0.10% สู่ระดับ 2.75% ซึ่งส่งผลให้ PBOC ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปีลง 0.05% แตะที่ 3.65% และปรับลดอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีลง 0.15% สู่ระดับ 4.30% เมื่อวันที่ 22 ส.ค. โดยมีเป้าหมายที่จะพยุงเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว หลังจากเศรษฐกิจภายในประเทศได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการทรุดตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์

ทั้งนี้ ตลาดคาดการณ์ว่า การที่ PBOC ประกาศคงอัตราดอกเบี้ย MLF ในวันนี้ อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า PBOC จะตรึงอัตราดอกเบี้ย LPR ด้วยเช่นกัน โดย PBOC มีกำหนดแถลงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปีและ 5 ปีในวันอังคารหน้า (20 ก.ย.)

ส่วนออสเตรเลียเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนส.ค.ดีดตัวขึ้นแตะระดับ 3.5% จากระดับ 3.4% ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 48 ปี

สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย (ABS) รายงานในวันนี้ (15 ก.ย.) ว่า อัตราว่างงานเดือนส.ค.ดีดตัวขึ้นแตะระดับ 3.5% จากระดับ 3.4% ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 48 ปี

ทั้งนี้ อัตราว่างงานเดือนส.ค.ดีดตัวขึ้น แม้ว่าตัวเลขการจ้างงานใหม่เพิ่มขึ้น 33,500 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการมีส่วนร่วมในตลาดแรงงานพุ่งขึ้นแตะระดับ 66.6%

ข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ตลาดแรงงานของออสเตรเลียยังคงอยู่ในภาวะตึงตัว และมีแนวโน้มว่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางออสเตรเลียในช่วงหลายเดือนข้างหน้า

ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.50% สู่ระดับ 2.35% ในการประชุมเมื่อวันที่ 6 ก.ย. โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดเงินเฟ้อซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่นายฟิลลิป โลว์ ผู้ว่าการ RBA ส่งสัญญาณว่าจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ตราบใดที่เงินเฟ้อของออสเตรเลียยังคงอยู่สูงกว่าเป้าหมายที่ระดับ 2-3% ของ RBA

ส่วนเมื่อวานนี้ (7 ก.ย.) สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลียรายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2565 ของออสเตรเลียขยายตัว 3.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 3.5% และแข็งแกร่งกว่าในไตรมาส 1 ที่มีการขยายตัว 3.3% ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของออสเตรเลียจะสามารถรับมือกับแรงกดดันจากอัตราดอกเบี้ยและค่าครองชีพที่สูงขึ้นได้

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบล่าง 143 เยน โดยนักลงทุนยังคงจับตามองความเป็นไปได้ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาจเข้าแทรกแซงด้วยการเข้าซื้อเงินเยน

ซึ่งจากข่าวนี้เองทำให้สกุลเงินเยน JPY ได้กลับมาแข็งค่าอีกครั้ง ส่งผลให้คู่สกุลเงิน USDJPY EURJPY GBPJPY CADJPY AUDJPY NZDJPY มีการย่อตัวลงในช่วงบ่าย

ในขณะที่สกุลเงินฟรังก์สวิส CHF ได้มีการแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการย่อตัวลงของตลาดหุ้นยุโรปฟิวเจอร์ส ทำให้สกุลเงินฟรังก์สวิส CHF ได้รับแรงหนุนในฐานะสกุลเงินปลอดภัยในฝั่งยุโรป

ทำให้คู่สกุลเงิน CHFJPY ยังคงมีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ณ เที่ยงวันนี้ตามเวลาโตเกียว ดอลลาร์เคลื่อนไหวที่ 143.29-143.31 เยน เทียบกับ 143.12-143.22 เยนที่ตลาดนิวยอร์ก และ 143.30-143.33 เยนที่ตลาดโตเกียวเมื่อเวลา 17.00 น. ของเมื่อวานนี้

ยูโรเคลื่อนไหวที่ 0.9973-0.9976 ดอลลาร์และ 142.90-142.97 เยน เทียบกับ 0.9973-0.9983 ดอลลาร์และ 142.79-142.89 เยนที่ตลาดนิวยอร์ก และ 0.9986-0.9988 ดอลลาร์และ 143.11-143.15 เยนที่ตลาดโตเกียวเมื่อช่วงเย็นเมื่อวานนี้

ดัชนี Sensex ตลาดหุ้นอินเดียเปิดตลาดบวกเล็กน้อย โดยเคลื่อนไหวตามตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นเมื่อวันพุธ (14 ก.ย.) ขณะที่ ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงระมัดระวังในการซื้อขายก่อนการเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีกและข้อมูลเศรษฐกิจอื่น ๆ ของสหรัฐในวันนี้

ดัชนี Sensex ตลาดหุ้นอินเดียเปิดตลาดวันนี้ที่ 60454.37 จุด เพิ่มขึ้น 107.4 จุด หรือ +0.18%

หุ้น ICICI Bank ปรับตัวขึ้น 1.57%, หุ้น Maruti Suzuki บวก 1.41% และหุ้น M&M ปรับตัวขึ้น 1.15%

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดปรับตัวขึ้นในวันนี้ จากแรงช้อนซื้อหุ้นหลังจากนิกเกอิปิดร่วงหนักเมื่อวานนี้ แต่ตลาดปรับตัวขึ้นได้ไม่มากนัก เนื่องจากนักลงทุนคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก หลังจากการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่า เงินเฟ้อในสหรัฐยังคงอยู่ในระดับสูง

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ระดับ 27,875.91 จุด เพิ่มขึ้น 57.29 จุด หรือ +0.21%

หุ้นที่ปรับตัวขึ้นในวันนี้นำโดยกลุ่มขนส่งทางอากาศ, กลุ่มขนส่งทางบก และกลุ่มเหมืองแร่

สำนักงานตำรวจแห่งชาติของญี่ปุ่นแถลงในวันนี้ (15 ก.ย.) ว่า บริษัทของญี่ปุ่นได้ถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ทั้งสิ้น 114 ครั้งในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 87% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยในจำนวนนี้รวมถึงบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก 59 แห่ง และบริษัทขนาดใหญ่ 36 แห่ง โดยครอบคลุมถึงบริษัทผู้ผลิต 37 แห่ง บริษัทภาคบริการ 20 แห่ง และโรงพยาบาล 5 แห่ง

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป ต้องระงับการปฏิบัติงานในโรงงานทั้งหมด 14 แห่งในญี่ปุ่นเป็นเวลา 1 วัน หลังบริษัทโคจิมะ อินดัสทรีส์ คอร์ป ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ชิ้นส่วนรถยนต์ได้ถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์เมื่อวันที่ 28 ก.พ. โดยผู้ก่อเหตุโจมตีแรนซัมแวร์จะบีบบังคับให้เหยื่อจ่ายเงินแลกเปลี่ยนกับการเข้าถึงข้อมูลบริษัทได้อีกครั้งผ่านการเข้ารหัสลับ

นอกจากนี้ ตำรวจยังยืนยันเหตุโจมตีแรนซัมแวร์แบบสองชั้น (double-extortion) ได้ 53 คดีจากทั้งหมด 83 คดี โดยการโจมตีดังกล่าวนั้น ผู้ก่อเหตุจะเรียกร้องเงินเพื่อแลกกับการถอดรหัสข้อมูลที่ตกเป็นเป้าหมาย พร้อมขู่เผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวสู่สาธารณชนหากเหยื่อปฏิเสธที่จะจ่ายเงิน

ผลสำรวจของบริษัทและองค์กรที่ตกเป็นเหยื่อแสดงให้เห็นว่า ผู้เสียหายส่วนใหญ่จาก 49 คดียอมจ่ายเงินให้กับผู้ก่อเหตุ โดยเหยื่อต้องจ่ายเงิน 10 ล้านเยน (70,000 ดอลลาร์) ขึ้นไปในการตรวจสอบขอบเขตของความเสียหายและการกู้คืนข้อมูล

รายงานระบุว่า บริษัทอย่างน้อย 36 แห่งจากทั้งหมด 48 แห่งยังไม่สามารถกู้ข้อมูลกลับคืนมาได้ แม้ว่ามีการสำรองข้อมูลเอาไว้ก็ตาม

สำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่นเตือนว่า แม้แต่ข้อมูลที่สำรองไว้ก็ยังสามารถถูกเข้ารหัสได้ และความเสียหายอาจรุนแรงถึงขั้นทำให้บริษัทต้องระงับการดำเนินงาน

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดบวกในวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากมุมมองที่ว่า อัตราว่างงานที่ดีดตัวขึ้นในเดือนส.ค.อาจบ่งชี้ถึงภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจ และอาจจะทำให้ธนาคารกลางออสเตรเลียชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ดัชนี S&P/ASX 200 ปิดที่ 6,842.90 จุด เพิ่มขึ้น 14.30 จุด หรือ +0.21% และดัชนี All Ordinaries ปิดที่ 7,082.50 จุด เพิ่มขึ้น 10.70 จุด หรือ +0.15%

สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย (ABS) รายงานในวันนี้ (15 ก.ย.) ว่า อัตราว่างงานเดือนส.ค.ดีดตัวขึ้นแตะระดับ 3.5% จากระดับ 3.4% ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 48 ปี

ตัวเลขการจ้างงานใหม่เพิ่มขึ้น 33,500 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ขณะที่อัตราการมีส่วนร่วมในตลาดแรงงานพุ่งขึ้นแตะระดับ 66.6%

ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวลดลง 0.4% ในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังมีข้อมูลว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐพุ่งขึ้นเกินคาด

ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ (KOSPI) ปิดวันนี้ที่ 2,401.83 จุด ลดลง 9.59 จุด หรือ 0.4%

นายชู คยองโฮ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเกาหลีใต้เปิดเผยวันนี้ (15 ก.ย.) โดยคาดว่า อัตราเงินเฟ้อเกาหลีใต้จะแตะระดับสูงสุดในเดือนหน้า แม้เงินวอนจะอ่อนค่าลงเมื่อเร็ว ๆ นี้ก็ตาม

นายชู กล่าวในการประชุมรัฐสภาว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) จะค่อย ๆ ทรงตัว หลังเงินเฟ้อแตะระดับสูงสุดช่วงประมาณเดือนต.ค. แม้ว่าอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินวอนต่อดอลลาร์จะพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อไม่นานมานี้ และเชื่อว่า แม้ยังมีความกังวลจากปัจจัยภายนอกและราคาน้ำมันที่สูงขึ้น แต่ความกังวลด้าน CPI รายวันจะคลี่คลายลงได้บ้างหลังผ่านเดือนต.ค.ไปแล้ว

นายชูคาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อจะแตะระดับสูงสุดในช่วงปลายไตรมาสที่ 3 หรือต้นไตรมาสที่ 4 หากราคาน้ำมันไม่เปลี่ยนแปลงรุนแรง

นอกจากนี้ นายชูยังกล่าวด้วยว่า รัฐบาลจะแสวงหาวิธีการที่เหมาะสมเพื่อรักษาเสถียรภาพตลาดการเงิน หากตลาดยังคงมีการแห่ซื้อขายตามกันมากเกินไปหรือเริ่มมีความไม่เสถียรมากขึ้น

อนึ่ง สำนักงานสถิติแห่งชาติเกาหลีใต้ระบุว่า CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค เพิ่มขึ้น 5.7% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี ชะลอตัวลงมาจาก 6.3% เมื่อเดือนก.ค.

สำนักข่าวยอนฮัปรายงานว่า อัตราเงินเฟ้อของเกาหลีใต้ที่พุ่งสูงขึ้น สาเหตุส่วนใหญ่มาจากแรงกดดันด้านราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ดีดตัวสูงขึ้นอย่างมาก เนื่องจากสงครามที่ยืดเยื้อระหว่างรัสเซียกับยูเครน

ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดลบในวันนี้ หลังจากธนาคารกลางจีนประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

ทั้งนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต 3,199.92 จุด ลดลง 37.62 จุด หรือ -1.16%

ธนาคารกลางจีน (PBOC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปีซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของจีนไว้ที่ระดับ 2.75%

ตลาดคาดการณ์ว่า การที่ PBOC ประกาศคงอัตราดอกเบี้ย MLF ในวันนี้ อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า PBOC จะตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ด้วยเช่นกัน โดย PBOC มีกำหนดแถลงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปีและ 5 ปีในวันอังคารหน้า (20 ก.ย.)

ทั้งนี้ PBOC ตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม แม้ว่าเศรษฐกิจภายในประเทศชะลอตัวลงอย่างมาก อันเนื่องมาจากการใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า จีนอาจจะพลาดเป้าหมายการผลักดันเศรษฐกิจให้ขยายตัว 5.5% ในปีนี้

ธนาคารกลางจีนประกาศอัดฉีดเงินกว่า 2 แสนล้านหยวน (2.87 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในโครงการปล่อยเงินกู้ใหม่ (Relending Program) เพื่อกระตุ้นให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยเงินกู้ให้กับบริษัทต่าง ๆ ซึ่งนับเป็นมาตรการล่าสุดที่ทางการจีนนำมาใช้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ

ที่ประชุมรัฐสภาจีนออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมซึ่งมีนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียงเป็นประธานว่า เม็ดเงินในโครงการปล่อยเงินกู้ใหม่จะถูกนำไปใช้ในการสนับสนุนธนาคารพาณิชย์ให้ปล่อยเงินกู้ให้กับบริษัทต่าง ๆ ที่ทำการอัปเกรดอุปกรณ์การทำงานในช่วงไตรมาส 4 ขณะเดียวกันธนาคารพาณิชย์จะได้รับการสนับสนุนให้ปล่อยเงินกู้ให้กับบริษัทในภาคการผลิตและภาคบริการ รวมทั้งบริษัทขนาดเล็ก โดยคิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 3.2%

ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนจะจัดหาเงินทุนให้กับธนาคารพาณิชย์ของจีนจำนวน 2 แสนล้านหยวนเป็นระยะเวลา 1 ปีผ่านโครงการปล่อยเงินกู้ใหม่ดังกล่าว ซึ่งจะสามารถขยายโครงการได้ 2 ครั้ง ขณะที่รัฐบาลกลางของจีนจะช่วยเหลือบริษัทต่าง ๆ ในการชำระดอกเบี้ยเงินกู้ธนาคารเพื่อรับประกันว่าอัตราดอกเบี้ยจะไม่สูงเกิน 0.7%

นอกเหนือจากการเปิดตัวโครงการเงินกู้ใหม่แล้ว จีนจะช่วยให้บริษัทขนาดเล็กสามารถเลื่อนเวลาการจ่ายภาษีออกไปอีก 4 เดือนโดยเริ่มตั้งแต่เดือนนี้ รวมทั้งการลดหย่อนภาษีให้กับบริษัทขนาดเล็กในวงเงินราว 4.40 แสนล้านหยวน

ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดบวกในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นหลังจากที่ฮั่งเส็งปิดร่วงกว่า 400 จุดเมื่อวานนี้ (14 ก.ย.) หลังสหรัฐเปิดเผยเงินเฟ้อพุ่งสูงเกินคาด ทำให้นักลงทุนวิตกว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่

ดัชนีฮั่งเส็งปิดตลาดที่ระดับ 18,930.38 จุด เพิ่มขึ้น 83.28 จุด หรือ +0.44%

ผู้บริหารระดับสูงของธนาคารชั้นนำระดับโลกราว 20 รายให้คำมั่นว่าจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดด้านการเงินของฮ่องกงในเดือนพ.ย.ปีนี้ แม้ว่ามาตรการกักตัวเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อาจจะส่งผลกระทบต่อจำนวนผู้เข้าร่วมประชุมที่รัฐบาลฮ่องกงคาดหวังว่าจะช่วยกอบกู้ชื่อเสียงของฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางการเงินของเอเชีย

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินของธนาคารเอชเอสบีซี และสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ซึ่งเป็นสองธนาคารรายใหญ่ระดับโลกและมีจำนวนสาขามากที่สุดในฮ่องกง ต่างก็ยืนยันการเข้าร่วมประชุมสุดยอดที่ฮ่องกงเป็นเวลา 2 วันในเดือนพ.ย.

นายเจมส์ กอร์แมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของมอร์แกน สแตนลีย์ และนางเจน เฟรเซอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของซิตี้กรุ๊ป ก็เตรียมที่จะเดินทางไปยังฮ่องกง ขณะที่ผู้บริหารของโกลด์แมน แซคส์, ยูบีเอส กรุ๊ป, เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และแบล็กร็อก ก็ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมด้วยเช่นกัน

การประชุมด้านการเงินครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของงานอีเวนต์ต่าง ๆ ที่รัฐบาลฮ่องกงวางแผนไว้เพื่อที่จะป่าวประกาศว่า ศูนย์กลางการเงินแห่งนี้พร้อมที่จะเปิดรับการลงทุนจากภาคธุรกิจทั่วโลกแล้ว หลังจากที่ต้องอยู่ภายใต้นโยบายควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเข้มงวดมาเป็นเวลานานเกือบ 3 ปี

นอกจากนี้ ฮ่องกงยังวางแผนที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเทคโนโลยีด้านการเงินหรือฟินเทคในช่วงปลายเดือนต.ค. รวมทั้งการจัดแข่งขันรักบี้รายการ Hong Kong Sevens ในเดือนพ.ย. ซึ่งจัดขึ้นครั้งแรกในรอบมากกว่า 3 ปี

ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และยอดค้าปลีกเดือนส.ค.

หุ้นยุโรปเปิดตลาดผสมผสานในวันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังเผชิญแรงเทขายอย่างหนักติดต่อกัน 2 วัน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าจะมีการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเชิงรุกทั่วโลกเพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อ

ดัชนี STOXX 600 เปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 417.28 จุด ลดลง 0.23 จุด หรือ -0.06% หลังจากร่วงลงติดต่อกันเป็นเวลา 2 วัน

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีเปิดวันนี้ที่ 13,040.36 จุด เพิ่มขึ้น 12.36 จุด หรือ +0.09% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสเปิดวันนี้ที่ 6,212.21 จุด ลดลง 10.2 จุด หรือ -0.16%

ข้อมูลเงินเฟ้อที่ร้อนแรงของสหรัฐ ทำให้เกิดการเทขายหุ้นทั่วโลกในช่วงต้นสัปดาห์นี้ เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์กันมากขึ้นว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% อีกครั้งในสัปดาห์หน้า

ขณะที่ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ 0.75% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา

หุ้นกลุ่มธนาคารยุโรปพุ่งขึ้นนำตลาด โดยปรับตัวขึ้น 1% เนื่องจากกลุ่มธนาคารมีแนวโน้มได้รับประโยชน์มากที่สุดจากภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ขณะที่มอร์แกน สแตนลีย์ระบุว่า มีมุมมองเชิงบวกต่อบรรดาธนาคารพาณิชย์ในยุโรป

และล่าสุดจากการประกาศตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของฝรั่งเศสที่ออกมาเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดการณ์ในช่วงบ่ายที่ผ่านมา และจากการประกาศตัวเลขดุลการค้าของยูโรโซนที่ออกมาขาดดุลมากกว่าคาดการณ์เช่นกัน ทำให้สกุลเงินยูโร EUR อ่อนค่าลง และกดดันตลาดหุ้นยุโรปให้มีการปรับตัวลงเช่นกัน

ทำให้ยิ่งเป็นปัจจัยหนุนให้สกุลเงินฟรังก์สวิส CHF มีการแข็งค่าขึ้น ส่งผลให้คู่สกุลเงิน USDCHF EURCHF GBPCHF CADCHF AUDCHF NZDCHF ได้มีการย่อตัวลงทั้งหมด ในขณะที่คู่สกุลเงิน CHFJPY ยังคงมีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในขณะนี้

และการร่วงลงของตลาดหุ้นจีนในวันนี้ และการอ่อนค่าของสกุลเงินหยวนจากการที่ธนาคารกลางจีน (PBOC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปีซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของจีนไว้ที่ระดับ 2.75% ได้เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ไม่สามารถทำให้ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นได้นั่นเอง

และการร่วงลงของตลาดหุ้นจีน รวมไปถึงตลาดหุ้นยุโรปในช่วงบ่ายนี้ ได้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันมีการปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากจีนเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลกนั่นเอง

ดังนั้นการร่วงลงของตลาดหุ้นจีนในวันนี้จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาทองคำและราคาน้ำมันไม่สามารถฟื้นตัวขึ้นได้ตลอดทั้งวันนี้ และยังได้ปรับตัวลงเรื่อยๆมาจนถึงในขณะนี้!!!

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย