🏃 คว้าข้อเสนอ Black Friday ก่อนใคร รับส่วนลดสูงสุด 55% สำหรับ InvestingPro ตอนนี้!รับส่วนลด

แรงกดดันมาที่SET INDEX เบาลง

เผยแพร่ 30/08/2565 10:34
SETI
-

แรงกดดันอันจากความกังวลว่า Fed จะปรับขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุก น่าจะค่อยๆ ลด น้ำหนักลง ซึ่งน่าจะทำให้SET Index สามารถยืนได้และอาจดีดตัวกลับได้เล็กน้อย ทั้งนี้หากประเมินภาพใหญ่ของตลาดหุ้นไทย เราเห็นว่ามีปัจจัยที่ดึงดูด Fund Flow ได้หลายประการ ไม่ว่าจะเป็นภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจคาดว่าจะเห็นชัดเจนใน 2H65 ในอัตราไม่น้อยกว่า 3.6% YoY ถัดมาเป็นเรื่องผลประกอบการบริษัทจด ทะเบียนปี 2565 ที่ถูกปรับขึ้น ซึ่งอัตราการปรับขึ้นแรงกว่าผลกระทบของการปรับ ขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้Market Earning Yield Gap ยังขยายกว้างออกอยู่ที่ 4.5 – 4.6% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของหุ้นทั่วโลกซึ่งอยู่ที่ 2.3% นอกจากนี้ หากพิจารณา สัดส่วนการถือครองหุ้นต่างชาติในตลาดหุ้นไทย ก็พบว่ายังตำกว่าภาวะปกติมาก กลยุทธ์การลงทุนยังเน้นหุ้นกลุ่มธนาคาร และกลุ่มที่กำไรเติบโตสูงในช่วงจากนี้ไป

SET Index น่าจะอยู่ในกรอบ 1610 – 1635 จุด ส่วนแนวต้าน 1650 จุด พอร์ต จำลองได้Stop หุ้น 3 ตัวคือ BH, KBANK (BK:KBANK), BAM และ Cut Loss หุ้น TIDLOR ได้ เงินสดกลับมา 35% ให้เข้าซื้อ SCB, BDMS และ HMPRO อย่างละ 10% และ ซื้อ CKP 5% หุ้น Top Pick เลือก BDMS, CKP และ SCB

ราคาน้ำมันดิบทรงตัวสูง เงินเฟ้ออาจยังสูงต่อ ชอบ PTT (BK:PTT) PTTEP TOP

ราคาน้ำมันดิบยังทรงตัวระดับสูง โดยล่าสุดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ เพิ่มขึ้น 4% อยู่ที่ 105 เหรียญฯต่อบารเรล เนื่องจากความกังวลอาจมีการลดกำลังการผลิตของ กลุ่ม OPEC+ เพื่อรับมือกับการที่อิหร่านจะสามารถส่งออกน้ำมันสู่ตลาดโลกอีกครั้ง หาก สามารถบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์กับชาติตะวันตก บวกกับเริ่มเข้าสู่หน้าหนาว ทำให้มี Demand เพิ่มขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว หนุนค่าเฉลี่ยน้ำมันดิบ Brent ตั้งแต่ต้นเดือน ส.ค . ทยอยปรับตัวสูงที่ระดับ 98 เหรียญฯ ต่อบารเรล

กรณีดังกล่าวทำให้ความกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อของหลายประเทศมีโอกาสทรงตัวใน ระดับสูงต่อ บวกกับฐานคำนวณเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน ส.ค.64 ที่ต่ำเพียง 99.6 จุด ซึ่งเมื่อ นำไปเทียบกับ CPI ปี 2565 พบว่าเดือน ก.ค.65 อยู่ที่ 107.40 จุด หากกำหนดให้ CPI เพิ่มขึ้นในอัตราเพียง 0.76% ต่อเดือน ก็เพียงพอที่จะผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อเดือน ส.ค.65 ปรับขึ้นหรือทรงตัวในระดับสูง 8 – 9%

ประเด็นดังกล่าว ทำให้ธนาคารกลางหลายแห่ง ต้องใช้นโยบายทางการเงินเชิงรุก เพื่อสกัด เงินเฟ้อต่อไป โดยตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ FED ที่นักลงทุนคาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ย 0.75% เป็นครั้งที่ 3 จาก 2.50% เป็น 3.25% ด้วยความน่าจะเป็นระดับ 70% และมองดอกเบี้ย ปลายปีจะสูงถึง 4%

สรุป ภาพรวมราคาน้ำมันดิบยังทรงตัวสูงต่อ กดดันให้อัตราเงินเฟ้อมีโอกาสทรงตัวสูง ต่อ และทำให้นโยบายทางการเงินตึงตัวเชิงรุกของธนาคารกลางต่างๆ ดำเนินต่อไป คาดเป็นแรงกดดันตลาดหุ้นทั่วโลกรวมถึงไทย โดยมองแนวรับแรกและสอง ของ SET Index ที่ระดับ 1617 จุด และ 1610 จุด ตามลำดับ

เศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มโตเด่นต่อ เมื่อเทียบกับเศรษฐกิจโลก

วันศุกร์ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังคาด GDP ไทยปี 2565 จะขยายตัว 3.5%YoY (เฉลี่ย หลายๆ สำนักอยู่ที่ 3%) ซึ่งหากพิจาณา GDP Growth ไตรมาส 1 และ 2 อยู่เพียง 2.3% และ 2.5% ตามลำดับ ฝ่ายวิจัยประเมินว่า GDP ไทยช่วงครึ่งหลังของปีมีโอกาสเติบโต เฉลี่ย 3.6% - 4.6%YoY (ภายใต้ GDP65F เติบโตในกรอบ 3% - 3.5%) ซึ่งสอดคล้องกับ แนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่มีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่อง จากการกลับมาเปิดประเทศ และการผ่อน คลายมาตรการโควิด-19 บวกกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯ อาทิ โครงการคน ละครึ่งเฟสที่ 5 ขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วเศรษฐกิจเริ่มชะลอ อาทิ สหรัฐ อังกฤษ ฯลฯ

นอกจากนี้ในปี 2566 IMF ยังคาด GDP Growth ไทยเติบโตเด่น 4.0% ซึ่งสูงกว่าประมาณ การของทั้งโลก GDP โลกที่เติบโตชะลอลง 2.9% ในปีหน้า

สรุปประเทศไทยยังมีเสน่ห์ในมุมของภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังเติบโตต่อเนื่องในช่วง 2H65 คาดเป็นแรงจูงใจให้นักลงทุนโยกย้ายเม็ดเงินเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยในระยะถัดไป

ตลาดหุ้นไทยแข็งแกร่ง ถือเป็นหนึ่งในแหล่ง SAFE HAVEN แนะนำ SCB BDMS CKP

ความกังวลเรื่อง Fed เร่งขึ้นดอกเบี้ยกลับมาสร้างความผันผวนให้กับสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง โดยเฉพาะตลาดหุ้นในฝั่งประเทศพัฒนาแล้ว อาทิตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง -3.3%(mtd), ตลาดหุ้นสหรัฐ Nasdaq -2.8%(mtd), ตลาดหุ้นสหรัฐ S&P500 -2.1%(mtd) ในทาง กลับกัน Fund Flow กลับเคลื่อนมาไหลเข้าตลาดหุ้นในฝั่งประเทศกำลังพัฒนา อย่าง ตลาดหุ้นจีน +0.7%(mtd), ตลาดหุ้นอินโดฯ +2.3% เช่นเดียวกับตลาดหุ้นไทยที่ยัง แข็งแรง +2.1%(mtd)

ฝ่ายวิจัยฯ คาดว่า ตลาดหุ้นไทยยังแข็งแกร่ง และเป็นหนึ่งในแหล่งพักเงินที่ดีสำหรับนัก ลงทุนต่างชาติต่อ (SAFE HAVEN) ด้วยเหตุผลหลัก 4 ประการดังนี้

1. ตลาดหุ้นไทยยังมีแนวโน้มเศรษฐกิจฟื้นตัวต่อเนื่องทั้งในช่วงครึ่งหลังของปีและ ปีหน้า โดดเด่นกว่าประเทศอื่นๆ โดยหลายสำนักคาด GDP65F อยู่ในช่วง 3% – 3.5% แสดงว่า GDP2H65 Growth จะเติบโตต่อเนื่องเด่นในกรอบ 3.6% - 4.6% และยังเติบโตต่อในปีหน้า โดย IMF คาด GDP ไทยปี 2566 ที่ 4% สูงโดดเด่นกว่า ประเทศอื่นๆ และ GDP โลกปี 2566 ที่ 2.9% (รายละเอียดตามหัวข้อก่อนหน้า)

2. การขึ้นดอกเบี้ยไทยค่อนข้างช้ากว่าประเทศพัฒนาแล้ว หนุนให้ตามกลไก ตลาดหุ้ยไทยมีโอกาสถูกซื้อขายบน P/E ที่สูงกว่า โดยตลาดคาดว่า Fed จะขึ้น ดอกเบี้ยปลายปีไปอยู่ที่ 4% ขณะที่ไทยน่าจะอยู่ที่ 0.75% ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ย ที่ห่างกันมาก ตามกลไกทำให้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสถูกซื้อขายบน P/E ที่สูงกว่า

3. สัดส่วนการถือครองหุ้นไทยจากต่างชาติยังอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ มีช่องว่าง ให้ไหลเข้ามาได้อีก ปัจจุบันต่างชาติทยอยซื้อสุทธิสะสมหุ้นไทยต่อเนื่อง 1.7 แสน ล้านบาท (ytd) จนล่าสุดมีสัดส่วนการถือครองทางตรงต่ำอยู่ยังไม่ถึง 22% ยังต่ำ กว่าค่าเฉลี่ยที่ 26.2% และในอดีต 9 ปีที่แล้ว ต่างชาติยังเคยถือครองสูงถึง 30.2% ดังนั้นด้วยปัจจัยต่างๆที่กล่าวมา คาด Fund Flow ยังมีโอกาสไหลเข่าตลาดหุ้น ไทยต่อ

4. Upside ตลาดเปิดจากการทยอยปรับประมาณการกำไรขึ้น หลังบริษัทจด ทะเบียนรางานกำไรงวด 2Q65 อยู่ที่ 3.49 แสนล้านบาท (เพิ่มขึ้น 35%QoQ, 26%YoY) ขณะเดียวกัน Bloomberg Consensus ทยอยปรับ EPS65F ขึ้น เช่นเดียวกับฝ่ายวิจัย ASPS ที่อยู่ในช่วงทบทวนประมาณการกำไรขึ้น เบื้องต้น คาดว่ากำไรปี 2565 เติบโตไม่น้อยกว่า 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน หนุนให้ตลาดหุ้น ไทยมี Upside เปิดกว้างขึ้น หรือช่วยลดผลกระทบจากภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นได้

ทั้ง 4 ปัจจัยล้วนแสดงให้เห็นว่า ตลาดหุ้นไทยถือเป็นหนึ่งในแหล่งพักเงินทุน หรือSAFE HAVEN ในช่วงที่ตลาดหุ้นโลกผันผวน คาดยังมี Fund Flow คอยพยุงตลาดฯ

สำหรับกลยุทธ์วันนี้แนะ Selective Buy เพื่อคาดหวังผลตอบแทนที่ดีกว่า อย่าง SCB ราคาหุ้น Laggard กว่าหุ้น ธ.พ.ใหญ่อื่นๆ และยังได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น, BDMS แนวโน้มกำไรฟื้นตัวต่อเนื่องจากการเปิดประเทศ ราคายัง Laggard และหุ้น CKP กำไรไตรมาส 3 เข้าสู่ช่วง High Season ฤดูฝนตกหนัก เป็น Top pick

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย