สรุป หลังจากราคาทองคําเมื่อคืนนี้ปรับเพิ่มขึ้น 13.27 ดอลลาร์ต่อออนซ์ รับแรงหนุนหลักจากขัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ที่ปรับตัว สตลงจากระดับสูงสุดตั้งแต่วันที่ 22 ก.ค. บริเวณ 2.90296 หลังจากตัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐชะลอตัวลงเกินคาด ส่วนใน วันนี้ราคาทองคําช่วงเช้าแกว่งตัว sideway down ในกรอบ 1,793.20-1,802.39 ตอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแรงกดดันมาจากราคาน้ํามันดิบร่วงลงมา ทั้งสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI ที่ร่วงลง -0.95% มาที่ 91.211 ตอลลาร์/บาร์เรล และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ ร่วงลง -1.20% มาที่ 96.970 ดอลลาร์/ บาร์เรล ณ 12.02 น.ตามเวลาไทย ประกอบกับราคาบิตคอยน์ที่พุ่งขึ้นทะลุระดับ 25,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่กลางเดือนมิ.ย.ปีนี้ อย่างไรก็ตามนัก ลงทุนได้จับตาสถานการณ์ระหว่างสหรัฐกับจีนอาจส่อแววตึงเครียดอีกครั้งต่อจากกรณี "แนนซี เพโลซี" หลังคณะผู้แทนรัฐสภาสหรัฐ นําโดยนายเอ็ต มาร์ก เดินทางถึงไต้หวันแล้วเมื่อวานนี้ (14 ส.ค.) ซึ่งเป็นการเดินทางไปพบกับประธานาธิบดีไช่ อิงเหวินของไต้หวัน, นายโจเซฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ ต่างประเทศไต้หวัน เพื่อหารือกันเรื่องความสัมพันธ์ทวิภาคี และประเด็นสําคัญอื่น ๆ ที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน หากประ็นดังกล่าวทวีความรุนแรงขึ้น อาจส่ง ผลบวกต่อสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคําได้
สําหรับคืนนี้แนะนําติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ทั้งดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) และ ดัชนี ตลาดที่อยู่อาศัย NAHB รวมถึงถ้อยแถลงของนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด
คําแนะนํา เปิดสถานะซื้อ $1,771-1,782
จุดทํากําไร ขายเพื่อทํากําไร $1,807 -1,802
ตัดขาดทุน ตัดขาดทุนสถานะซื้อหากผ่าน $1,754
บทความนี้จัดทำขึ้นโดย YLG Bullion International
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ 02-687-9888 กด 1 หรือเว็บไซต์ ylgbullion.co.th