สรุปราคาทองคําวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 13.27 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคําได้รับแรงหนุนหลักจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ที่ปรับตัวลดลงจาก ระดับสูงสุดตั้งแต่วันที่ 22 ก.ศ. บริเวณ 2.902% ที่ขึ้นไปทดสอบในวันพฤหัสบดี ท่ามกลางการประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง หลังจากดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐชะลอตัวลงเกินคาด ล่าสุดในวันศุกร์สหรัฐเผยว่า ดัชนีราคานําเข้าลดลง 1.4% ในเดือนก.ศ. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งสิตมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้และมิติลงเป็นครั้งแรก ในรอบ 7 เดือน ในขณะที่ผลสํารวจของม.มิชิแกนระบุว่า ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะแตะระดับ 5.0% ในช่วง 1 ปีข้างหน้า โดยต่ํากว่าระดับ 5.2% ที่มีการสํารวจในเดือนที่แล้ว และเป็น ระดับต่ําสุดในรอบ 6 เดือน เป็นสัญญาณล่าสุดที่บ่งชี้ว่าแรงกดดันด้านราคาอาจผ่านพ้นจุดสูงสุดไปแล้ว สถานการณ์ดังกล่าวกดดันบอนด์ยีลด์ระยะยาวให้ร่วงลงจนเป็นปัจจัยหนุนทองคําใน ฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ยให้ทะยานขึ้นทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,802.61 ติชิลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ดี การปรับตัวขึ้นของทองคําถูกสกัดช่วงบวกจากดัชนี ติอลลาร์ที่แข็งค่า ขานรับความเห็นในเชิง Hawkish รองนายโธมัส บาร์กินประธานเฟดริชมอนด์ ที่กล่าวกับ CNBC ในวันศุกร์ว่า เขาต้องการเห็นช่วงเวลาที่เงินเพื่ออยู่ภายใต้การควบคุม และ จนกว่าจะถึงจุดนั้นเขาคิดว่าเฟดจะต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับตึงตัว (restrictive territory) ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคําลดลง -1.45 ตัน สําหรับวันนี้ ติดตามการเปิดเผยดัชนีภาวะ ธุรกิจโดยรวม(Empire State Index) และ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยโดย NAHB รวมถึงถ้อยแถลงของนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟต
ราคาทองคำยังไม่สามารถยืนเหนือ 1,802-1,807 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้(1,807 ระดับสูงสุดของสัปดาห์ที่ผ่านมา) ส่งผลให้แรงซื้อยังคงถูกจำกัด
สำหรับวันนี้ประเมินแนวรับระยะสั้นในโซน 1,802-1,807 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถยืนได้แนวรับสำคัญจะอยู่ในบริเวณ 1,754 ดอลลาร์ต่อออนซ์
คําแนะนํา เปิดสถานะซื้อ $1,771-1,782
จุดทํากําไร ขายเพื่อทํากําไร $1,807-1,802
ตัดขาดทุน ตัดขาดทุนสถานะซื้อหากผ่าน $1,754
บทความนี้จัดทำขึ้นโดย YLG Bullion International
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ 02-687-9888 กด 1 หรือเว็บไซต์ ylgbullion.co.th