สรุป หลังจากราคาทองคําเมื่อคืนนี้ปิตดิ่งลง 43.43 ตอลลาร์ต่อออนซ์ จากหลายปัจจัยกดดันทั้ง 1.สกุลเงินยูโรดิ่งลงกว่า 1.5% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 20 ปี จากวิกฤตพลังงานอาจส่งผลให้เศรษฐกิจในยูโรโซนเผชิญภาวะถดถอย และดัชนี PMI ภาคการผลิต-บริการขั้นสุดท้ายของยูโรโซน ดิ่งลงสู่ระดับ 52.0 ในเดือน มิ.ย. 2.ดัชนีดอลลาร์พุ่งขึ้น 1.28% ทําสถิติสูงสุดในรอบ 20 ปีที่ 106.792 และ 3.สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI ปิดร่วงลงกว่า 8% และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ ดิ่ง ลงกว่า 99% ส่วนในวันนี้ราคาทองคําช่วงเช้าแกว่งตัวในกรอบแคบ 1,763.80-1,772.78 ตอลลาร์ต่อออนซ์ โดยยังมีแรงกดดันเข้ามาต่อเนื่อง หลังนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จ่อถูกรัฐสภาอังกฤษซักฟอกในวันนี้ (6 ก.ค.) จากสมาชิกรัฐสภาอาวุโส หลังจากรัฐมนตรีหลายคนในคณะรัฐบาลของนาย จอห์นสันประกาศลาออกเนื่องจากไม่พอใจในการทําหน้าที่ผู้นําของนายจอห์นสัน ซึ่งประเด็นดังกล่าวอาจส่งผลให้สกุลเงินปอนด์อ่อนค่าลง ไปเป็นแรงหนุน สกุลเงินดอลลาร์ให้แข็งค่าขึ้น และจึงกลับมาเป็นประเด็นกดดันทองคํา อย่างไรก็ตามในวันนี้ยังพอมีปัจจัยหนุนพยุงไว้ จากนครเซี่ยงไฮ้ของจีนเริ่มตรวจหาเชื้อ โควิต-19 ให้กับประชาชนจํานวนมากอีกรอบ ซึ่งสร้างความกังวลว่าเซี่ยงไฮ้จะกลับไปใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวด รวมไปถึงมาเก๊าสั่งล็อกดาวน์โรงแรม Grand Lisboa หลังยอดผู้ติดเชื้อในมาเก๊าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในขณะนี้ สําหรับวันนี้นักลงทุนรอติดตามตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ทั้งดัชนี PMI ภาค บริการ, JOLTS Job Openings และรายงานการประชุมเฟตประจําเดือนมิ.ย.
คําแนะนํา เปิดสถานะขาย $1,784 -1,786
จุดทํากําไร ซื้อคืนเพื่อทํากําไร $1,763-1,752
ตัดขาดทุน ตัดขาดทุนสกานะขายหากหลด $1,803
บทความนี้จัดทำขึ้นโดย YLG Bullion International
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ 02-687-9888 กด 1 หรือเว็บไซต์ ylgbullion.co.th