สรุป ราคาทองคําวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 10.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคําปรับตัวลงก่อนโดยได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะเดินหน้าเร่งปรับขึ้น อัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ สถานการณ์ดังกล่าวหนุนดัชนีดอลลาร์ให้ทะยานขึ้นทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 105.541 จนกดดันราคาทองคําให้ร่วงลงทดสอบระดับต่ำสุดบริเวณ 1,802.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์ ก่อนที่ราคาทองคําจะทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งหลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ “แย่เกินคาด” อาทิ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการ | ว่างงานที่ลดลงนน้อยกว่าคาดสู่ระดับ 231,000 รายในสัปดาห์ที่แล้วซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 230,000 ราย ขณะที่การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สะท้อนการชะลอตัวของตลาดแรงงานและเศรษฐกิจ ปัจจัยดังกล่าวกดดันดัชนีดอลลาร์ให้กลับมาอ่อนค่าจนหนุนให้ราคาทองคําทะยานขึ้นทดสอบระดับสูงสุด ในระหว่างวันบริเวณ 1,824.84 ตอลลาร์ต่อออนซ์
อย่างไรก็ดี เป็นอีกครั้งที่ราคาทองคําเผชิญกับแรงขายทํากําไร นอกจากนี้ราคาทองคํายังได้รับแรงกดดันจากการดิ่งลงของสินค้าโภคภัณฑ์ในวงกว้าง ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่อาจกระทบต่อดีมานด์ ทั้งนี้ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTIส่งมอบเดือนส.ค. ร่วงลง 3.7% ส่วนโลหะเงินปรับตัวลดลง 1.8% สู่ระดับ 20.33 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่แพลตตินั่มลดลง 2.1% สู่ระดับ 897.90 ดอลลาร์และพลาเดียมลดลง 1.3% สู่ระดับ 1,936.07 ดอลลาร์ นั้นทําให้ราคาทองคําร่วงลงมาปิดตลาดในแดนลบ ด้าน กองทุน SPDR ถือครองทองคําลดลง -2.32 ตัน สําหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหรัฐ
แม้ราคาทองคำมีการฟื้นตัวขึ้นหลังจากทิ้งตัวลงวานนี้ แต่ระยะสั้นหากราคาไม่สามารถผ่านแนวต้าน 1,821-1,834 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อาจจะเกิดแรงขายกดดันให้ราคาลงมาเพื่อสะสมแรงซื้อในโซน 1,800-1,797 ดอลลาร์ต่อ ออนซ์หากยืนไม่ได้ราคาอาจอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับถัดไปโซน 1,786 ดอลลาร์ต่อออนซ์ระดับต่ำสุดของเดือน พ.ค.
คําแนะนํา เปิดสถานะขาย $1,821-1,834
จุดทํากําไร ซื้อคืนเพื่อทํากําไร $1,797-1,786
ตัดขาดทุน ตัดขาดทุนสกานะขายหากผ่าน $1,834
บทความนี้จัดทำขึ้นโดย YLG Bullion International
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ 02-687-9888 กด 1 หรือเว็บไซต์ ylgbullion.co.th