รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

ที่ SET INDEX ต่ำกว่า 1570 จุด ทยอยสะสม

เผยแพร่ 01/07/2565 10:44
อัพเดท 09/07/2566 17:32

กรณี EU ห้ามบริษัทประกันภัย รับประกันเรือขส่งน้ำมันจากรัสเซีย เรามองว่าเป็น เครื่องมือที่ทำให้เป้าหมายที่จะคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของรัสเซีย ทางทะเลมี ประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนราคาน้ำมันที่ย่อตัวลงน่าจะเป็นผลมาจากการที่ OPEC+ เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน ภาวะดังกล่าวทำให้การเข้าไปลงทุนในหุ้นกลุ่มน้ำมันต้อง ระมัดระวังมากขึ้น ส่วนประเด็นในบ้านเราวันนี้ประประเด็นเรื่องที่ ธปท. ปลด Lock ให้ธนาคารพาณิชย์สามารถจ่ายเงินปันผลได้เหมือนในภาวะปกติ พร้อมปรับ อัตราการนำส่งเงินเข้า FIDF สู่ระดับปกติเช่นกัน เราประเมินว่าแม้ ธปท. จะปลด lock เรื่องการจ่ายเงินปันผล แต่ก็ไม่น่าจะเห็นการปรับเพิ่ม Dividend Payout ของธนาคาพาณิชย์อย่างมีนัยสำคัญ แต่ก็ถือเป็น Sentiment เชิงบวกต่อหุ้นกลุ่ม ธนาคาร ขณะที่ยังมีแรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในครึ่งหลังปี

คาด SET Index ผันผวนในกรอบ 1550 – 1575 จุด พอร์ตจำลองวานนี้Stop หุ้น TRUE รับกำไร 2.16% ทำให้สัดส่วนเงินสดสำรองเพิ่มเป็น 30% รอจังหวะซื้อหุ้น ที่ระดับ SET Index ไม่เกิน 1570 จุด Top Pick เลือก BEM, CENTEL และ OSP

TREND น้ำมันยังไม่แน่นอน ผันผวนทั้งนอกและในประเทศ

แม้ราคาน้ำมันดิบ Brent จะปรับตัวลง 5%mtd จากความคาดหวัง Supply ที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยคาดทิศทางราคาน้ำมันมีโอกาสทรงตัวในระดับสูง และไม่ปรับตัวลง แรงเช่นในอดีตจากปัจจัยเสี่ยงทั้งนอกและในประเทศ

ความเสี่ยงนอกประเทศ (-)

• OPEC+ มีมติเพิ่มกำลังการผลิต 648,000 บาร์เรล/วันในเดือนส.ค. โดยการเพิ่ม กำลังการผลิตดังกล่าวสอดคล้องกับมติเดิมในการประชุม 2 มิ.ย. ที่ผ่านมา(เพิ่ม กำลังการผลิต 648,000 บาร์เรล/วันทั้งในเดือนก.ค.และส.ค.) หลังจากที่เพิ่ม กำลังการผลิต 432,000 บาร์เรล/วันในเดือนมิ.ย. อย่างไรก็ตามการประชุม OPEC+ วานนี้ ไม่ได้มีการอภิปรายเกี่ยวกับนโยบายการผลิตในเดือนก.ย.และ เดือนอื่นๆ โดยฝ่ายวิจัยฯคาดว่าจะเห็นทิศทางราคาน้ำมันที่ชัดเจนขึ้น หลังการ ประชุมกำหนดนโยบายการผลิตครั้งต่อไปของ OPEC+ ในวันที่ 3 ส.ค

• EU ห้ามทำประกันเรือที่ขนส่งน้ำมันรัสเซีย หลังจากรัสเซียพยายามหาทางส่งออก น้ำมันไปจีนและอินเดียให้มากขึ้นเพื่อชดเชยที่ถูกคว่ำบาตรน้ำมัน คาดว่า มาตรการนี้จะมีผลต่อตลาดน้ำมัน > มาตรการคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซียของ EU เพราะบริษัทต่าง ๆ จะไม่ได้รับอนุญาตให้ขนส่งน้ำมันรัสเซียทางทะเล หรือ รับประกันการขนส่งดังกล่าว ซึ่งบริษัทประกัน EU และอังกฤษ ครองตลาดมากถึง 95% ของทั้งโลก

ความเสี่ยงในประเทศ (-)

• การหารือระหว่างกระทรวงพลังงาน และกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันทั้ง 6 ราย ได้แก่ TOP, PTTGC, IRPC, BCP, ESSO และ SPRC ล่าสุดยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน แต่ ทางกระทรวงพลังงานเปิดเผยว่าจะได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์นี้ว่าจะร่วมมือ ช่วยเหลือประชาชนในการลดราคาพลังงานอย่างไร โดยฝ่ายวิจัยฯ มองว่าภาครัฐ ควรต้องออกระเบียบ กติกา หรือข้อกฎหมายขึ้นมารองรับการดำเนินการให้เกิด ความชัดเจน และสามารถตอบข้อสงสัยของทุกฝ่ายได้ เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหา หรือ ปัญหาฟ้องร้องตามมาในภายหลัง ดังนั้นตามแผนเดิมที่ภาครัฐต้องการให้ทั้ง 6 โรงกลั่น เริ่มดำเนินการจัดส่งส่วนต่างค่าการกลั่นเข้าสู่กองทุนน้ำมันเป็น ระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ ก.ค.-ก.ย. 2565 ก็อาจต้องขยับระยะเวลาดำเนินการ ออกไปจนกว่าการพิจารณาข้อกฎหมายต่างๆเพื่อมารองรับการดำเนินการจะแล้ว เสร็จ

กลุ่มธนาคาร ธปท. ยกเลิกเกณฑ์การจ่ายเงินปันผล เรื่องดีที่อยู่ในความ คาดหมาย

ธปท. ยกเลิกการจำกัดจ่ายเงินปันผล จากเดิมกำหนดอัตราการจ่ายเงินปันผลไม่เกิน 50% ของกำไรสุทธิประจำปี (Dividend payout ratio : DPR) เนื่องจากผล Stress test บ่งชี้ ความเพียงพอของเงินกองทุนในภาวะวิกฤติ ทั้งนี้ ณ สิ้นงวด 1Q65 BIS Ratio เฉลี่ยกลุ่มฯ อยู่ที่ 20% เทียบกับเกณฑ์ขั้นต่ำ 11%- 12% โดยฝ่ายวิจัยมองบวกในเรื่องเงินกองทุน แต่ มองกลางต่อการยกเลิกข้อจำกัดการจ่ายเงินปันผล เนื่องจาก DPR เฉลี่ยกลุ่มฯ ปี 2564 ไม่มี ธ.พ. ใดเกิน 50% ยกเว้น TISCO ที่เป็น Holding จึงสามารถจ่าย 84% ของกำไร สุทธิ ซึ่ง DPR เป็นไปตามการบริหาร BIS Ratio ของแต่ละธนาคาร เพื่อรองรับการเติบโต ด้านสินเชื่อในอนาคต

ทั้งนี้ หากพิจารณาสมมติฐาน DPR ฝ่ายวิจัยปี 2565 ของ ธ.พ. ใหญ่ อย่าง BBL ที่ 27% (ปี 2564 ที่ 25%, ค่าเฉลี่ยปี 2560 – 62 ที่ 37%), KBANK (BK:KBANK) ที่ 23% (ปี 2564 ที่ 21%, ค่าเฉลี่ยปี 2560 – 62 ที่ 28%), KTB ที่ 30% (ปี 2564 ที่ 27%,ค่าเฉลี่ยปี 2560 – 62 ที่ 37%) และ SCB ที่ 40% (ปี 2564 ที่ 39% ,ค่าเฉลี่ยปี 2560 – 62 ที่ 48%) โดยฝ่ายวิจัย คงสมมติฐาน DPR ตามเดิม แต่ BBL เป็น ธ.พ. ที่น่าจะมี Upside มากสุด เมื่อนำ สมมติฐานปี 2565 เทียบกับค่าเฉลี่ยปี 2560 – 2562

นี่คือโฆษณาของบุคคลที่สาม ไม่ใช่ข้อเสนอหรือคำแนะนำจาก Investing.com ดูการเปิดเผยข้อมูลที่นี่หรือ หรือลบโฆษณา

ส่วน ธ.พ. อย่าง KKP สมมติฐานฝ่ายวิจัยปี 2565 ที่ 53% สูงกว่า 40% ในปีก่อน แม้ยังต่ำ กว่าค่าเฉลี่ยปี 2560 – 2562 ที่ 68% แต่แผนการเติบโตสินเชื่อเชิงรุก ทำให้คาด ธ.พ. ต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมของ BIS Ratio จึงมองว่า Upside ไม่น่าสูงมาก ในขณะที่ TISCO สมมติฐานปี 2565 อยู่ที่ 84% มองว่าการยกเลิกเกณฑ์ของ ธปท. ช่วย Limit Downside ด้านเงินปันผล อีกทั้ง BIS Ratio สูงถึง 25% และการเติบโตของสินเชื่อไม่ได้ สูงมากนัก ทำให้ระดับ DPR อาจสูงเกินสมมติฐานได้

นอกจากนี้ ธปท. มีการปรับอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ (FIDF) กลับมาอยู่ที่ 0.46% ของเงินฝาก ตั้งแต่ปี66 จากที่เคยปรับลดลงเหลือ 0.23% ของเงินฝาก (ช่วง 1Q63) เพื่อให้ ธ.พ. ช่วยเหลือลูกหนี้ (ธ.พ. ใหญ่ ลดอัตราดอกเบี้ย M – Rate ลงอย่างละ 0.4%) โดยสมมติฐานปี 2566 ของฝ่ายวิจัยอยู่บน FIDF ที่ 0.46% และกลุ่มปรับดอกเบี้ย M – Rate ขึ้น 0.4% เพื่อชดเชย

คงน้ำหนักเท่าตลาด เลือก ธ.พ. ใหญ่ น่าจะได้ประโยชน์มากกว่า ธ.พ. ขนาดกลาง – เล็ก ตามธีมดอกเบี้ยขาขึ้น นำโดย KBANK(FV@B174), BBL(Fv@B152) และ KTB(FV@B16.1)

FLOW ต่างชาติเดือน ก.ค. มีแนวโน้มไหลออกจากหลายปัจจัย

เดือน มิ.ย. 65 ตลาดหุ้นไทยเผชิญกับความผันผวน พร้อมกับการที่ต่างชาติสลับมาขาย สุทธิแล้วกว่า 2.9 หมื่นล้านบาท กดดัน SET Index ปรับฐานลดลง -5.7% (mtd) และยัง เป็นเดือนที่ปรับฐานแรงที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี 2565

ขณะที่แนวโน้ม Fund Flow ในเดือน ก.ค. 65 ยังมีโอกาสเห็น Flow ต่างชาติขายสุทธิ อย่างต่อเนื่อง จาก 2 ปัจจัย ดังนี้

1. Spread ดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ และไทย มีโอกาสห่างขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงปลาย เดือน ก.ค. 65 ตลาดคาดว่า Fed มีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% มาอยู่ที่ 2.5% ซึ่งดอกเบี้ยไทยปลายเดือน 7 ต่ำเพียง 0.5% ส่งผลให้ Spread ดอกเบี้ยไทยกับ สหรัฐกว้างถึง 2% กดดันเงินบาทอ่อน และเม็ดเงินไหลออกจากตลาดหุ้น

2. เงินบาทที่อ่อนค่าแรง โดยตั้งแต่ต้นไปอ่อนค่ากว่า 5.5% มาอยู่ที่ระดับ 35.34 บาท/เหรียญฯ ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงให้ Flow ต่างชาติไหลออก เนื่องจาก นักลงทุนต่างชาติมีโอกาสขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX Loss) มากขึ้น และยังสอดคล้องกับสถิติในอดีตที่ Fund Flow กับค่าเงินบาทที่อ่อนค่ามี ความสัมพันธ์กันอย่างชัดเจนโดยตลอด 14 ช่วงที่ค่าเงินบาทอ่อนค่า Fund Flow ไหลออกจากตลาดหุ้นไทยทั้ง 14 ครั้ง (ทุกๆ 1% ที่เงินบาทอ่อนค่า กดดัน Flow ต่างชาติไหลออก 6.9 พันล้านบาท)

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหว SET Index วันนี้ คาดอยู่ที่ 1545/1550-1575 จุดและ กลยุทธ์การลงทุนแนะนำหุ้นผันผวนต่ำ Valuation น่าสนใจอย่าง OSP และหุ้นเปิด เมืองกำไรฟื้นตัวตามเศรษฐกิจในประเทศอย่าง BEM CENTEL เป็น Top picks

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย